ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ SCC วงเงิน 1 หมื่นลบ.ที่ A(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 16, 2010 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่ระดับ ‘A(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ SCC ที่ระดับ ‘F1(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิที่คงเหลืออยู่ของ SCC ที่ระดับ ‘A(tha)’ และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของ SCC ครั้งที่ 1/2553 มูลค่าไม่เกิน 1.0 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2557 ที่ระดับ ‘A(tha)’ โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะนำมาใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ

อันดับเครดิตของ SCC สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจหลักของบริษัทฯ การกระจายตัวที่ดีของรายได้ ความสามารถในการแข่งขันทางด้านต้นทุน ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจ

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และแผนการลงทุนที่ลดลงในช่วงปี 2553-2554 นอกจากนี้ ความสามารถในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ในประเทศที่แข็งแกร่ง ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตได้พิจารณาถึงอัตราส่วนกำไรต่อรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีที่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากแรงกดดันจากกำลังการผลิตใหม่จำนวนมากจากตะวันออกกลาง รวมถึงราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและกำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศที่ยังคงมีอยู่สูงอย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจซีเมนต์และธุรกิจกระดาษ ปัจจัยเสี่ยงอื่นของบริษัทฯได้แก่ ผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีต่อรายได้จากการส่งออก และผลกระทบจากคำสั่งศาลในกรณีมาบตาพุด

ผลประกอบการและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทในปี 2552 แข็งแกร่งกว่าที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมาตรการควบคุมต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ลดลง รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากประเทศจีนที่สูงกว่าที่คาด โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) (EBITDAR) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 มาอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 2552 และถึงแม้ว่าการลงทุนของบริษัทยังคงสูงอยู่ในปี 2552 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) (Net Adjusted Debt to EBITDAR) ได้ลดลงมาอยู่ที่ 2.7 เท่า ณ สิ้นปี 2552 จาก 3.1 เท่า ณ สิ้นปี 2551 โดยเป็นผลมาจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด และเงินปันผลจ่ายที่ลดลง

ถึงแม้ฟิทช์จะคาดว่าธุรกิจซีเมนต์และธุรกิจกระดาษจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีที่คาดว่าจะอ่อนแอลงน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมของ SCC ลดลงในปี 2553 อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายสำหรับใช้ในการลงทุนในช่วงปี 2553-2554 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5 - 2.4 หมื่นล้านบาทต่อปี เทียบกับระดับ 3.4 - 4.0 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2551-2552

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและระดับของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูงของ SCC จะช่วยรักษาสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของ SCC ให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ในระยะปานกลาง ฟิทช์กล่าวว่าการลดลงของอัตราส่วนกำไรต่อรายได้และอัตราส่วนหนี้สินที่สูงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของ SCC ได้ ในทางตรงกันข้ามความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินปรับลดลงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของ SCC


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ