TYONG แจงผลรอบ9 เดือนขาดทุนส่วนของผู้ถือหุ้น รายได้ลดลง-คชจ.สูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 16, 2010 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร กรรมการ บมจ. ธนายง (TYONG) ชี้แจงว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.52 มีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 44 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท คิดเป็นกำไรลดลง 146 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์สุทธิลดลงจำนวน 13 ล้านบาท จากการส่งเสริมการขายที่ต่อเนื่องมาจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนทำให้เกิดผลขาดทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์ในงวดนี้จำนวน 8 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนสุทธิ 5 ล้านบาท

บริษัทมีผลกำไรจากการรับเหมาก่อสร้างสุทธิ 1 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน 22 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน 3) ละทิ้งงานเป็นเหตุให้บริษัทฯ ต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากการจ้างผู้รับเหมารายใหม่ ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีผลกำไรจากการรับเหมาก่อสร้างโครงการเอื้ออาทรสระบุรี (โคกแย้) โครงการบ้านเอื้ออาทรชลบุรี (นาจอมเทียน) และโครงการเอื้ออาทรประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน 3) รวม23 ล้านบาท

ในงวดเดียวกันของปีบัญชีก่อน บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยแสดงเป็นรายการต่างหากอยู่ภายใต้หัวข้อ กำไรจากการยกเลิกการค้ำประกันเป็นจำนวนเงิน 166 ล้านบาท ซึ่งในงวดเดียวกันของปีนี้ไม่มีรายการดังกล่าว ซึ่งในงวดบัญชีปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ดังนั้นบริษัทฯ จึงบันทึกปรับมูลค่าของการชำระดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่าที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการและบันทึกกำไรจากการชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 143 ล้านบาท ซึ่งในงวดดียวกันของปีก่อนไม่มี

ในงวดเดียวกันของปีบัญชีก่อน บริษัทฯ ได้รับคืนเงินจำนวน 16 ล้านบาท จากกรมบังคับคดี เนื่องจากกรมบังคับคดีได้หักกลบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กับมูลค่าของที่ดิน ตามที่บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลการบังคับขายทอดตลาดที่ดินของบริษัทฯ ที่มีข้อพิพาท ในระหว่างปี 52 และบริษัทฯ ได้บันทึกเงินรับคืนดังกล่าวเป็นรายได้จากการหักกลบลบหนี้จากการประมูลที่ดิน

บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้รับชำระหนี้ค่าเช่าและค่าเสียหายจากการฟ้องขับไล่จำนวน 14 ล้านบาท บริษัทฯจึงบันทึกรายได้จากการรับชำระหนี้เป็นรายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวน 10 ล้านบาท ส่วนค่าเสียหายตามฟ้องบันทึกเป็นรายได้อื่นจำนวน 4 ล้านบาท

บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นจำนวน 34 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีผลมาจากการริเริ่มโครงการใหม่ ๆ การศึกษาความเป็นไปได้ การเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการขยายงาน การระดมทุนโดยการออกจำหน่ายใบสำคัญแสดงสิทธิ ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าที่ปรึกษาทางกฎหมายและที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 18 ล้านบาท ค่าตอบแทนพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 5 ล้านบาท รวมถึงค่าปรับจากการขยายระยะเวลาการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน 3) เป็นจำนวนเงิน 11 ล้านบาท

ในงวดนี้ บริษัทมีสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท มาจาก ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการเอื้ออาทรประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน 3) และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นเพื่อลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ของบริษัทฯ

ส่วนความคืบหน้าการติดตามทวงหนี้จากบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายการเงินให้กู้ยืม ตั้งแต่ปี 33-39 ค้างชำระจำนวน 5,679 ล้านบาท และมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สูญไว้ 5,391 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ขายสิทธิเรียกร้องในหนี้ของลูกหนี้รายหนึ่งให้กับบุคคลอื่นและบุคคลอื่นได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันจึงมียอดค้างชำระลดลงเหลือ 5,000 ล้านบาท และมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สูญไว้ 5,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตามให้ชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมจำนวน 2,983 ล้านบาท บริษัทฯ ยังไม่ได้รับชำระหนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ มีลูกหนี้รายหนึ่งที่มียอดค้างชำระจำนวน 2,647 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาจากงบการเงินของลูกหนี้แล้ว เห็นว่าไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ แต่มีช่องทางในการฟื้นฟูกิจการ อย่างไรก็ตามลูกหนี้รายดังกล่าวมีเจ้าหนี้สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ยื่นฟ้องล้มละลายตั้งแต่เดือน ม.ค.49 และยังมีเจ้าหนี้อีกรายหนึ่งยื่นฟ้องล้มละลายในเดือน ต.ค.50 ศาล ล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้รายดังกล่าว เมื่อวันที่ 6 ส.ค.52 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้ประกาศพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้รายดังกล่าวเด็ดขาดในราชกิจจานุเษกษา เมื่อวันที่ 19 ม.ค.53 และบริษัทฯ ดำเนินการยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลา 2 เดือน หรือภายในวันที่ 19 มี.ค.53

ส่วนลูกหนี้เงินให้กู้ยืมที่เหลือจำนวน 2,017 ล้านบาท บริษัทฯ ได้ติดตามลูกหนี้สองรายที่มียอดค้างชำระรวมกัน 2,013 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินคดีไปพร้อมกับการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาแนวทางการดำเนินคดีอื่น ๆ อาทิ เช่นการดำเนินกระบวนการฟ้องร้องล้มละลายควบคู่กันไปด้วย


แท็ก ธนายง  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ