กลุ่มเซ็นทรัล แถลงแผนธุรกิจปี 53 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 7% จากปีก่อน มาที่ระดับ 118,800 ล้านบาท จากปี 52 อยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะใช้งบลงทุนประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฉพาะ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) บริษัทเดียวจะใช้งบลงทุนราว 8.9 พันล้านบาท
นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ยอดขายในปี 53 ของกลุ่มจะเติบโตประมาณ 7% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)
ด้านงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ 1.6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 52 ที่มีงบลงทุน 1.55 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่รวมเงินลงทุนบริเวณที่ดินสถานทูตอังกฤษ ซึ่งจะเป็นเงินที่มาจากกระแสเงินสดของบริษัท และบริษัทมีแผนกู้เงินอีก 7 พันล้านเพื่อชำระคืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด
ทั้งนี้ แบ่งเป็นการลงทุนธุรกิจค้าปลีก 5 พันล้านบาท หรือ 31% ของงบลงทุน โดยเป็นการลงทุนในโครงการใหม่ที่ จ.ตรัง และ จ.เชียงราย นอกจากนี้ ยังเป็นงบในการปรับปรุงสาขาของธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะการปิดปรับปรุงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาลาดพร้าว เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งงบปรับปรุง 2.1 พันล้านบาท ซึ่งจะปิดในเดือน เม.ย. และจะเปิดให้บริการช่วงปลายปีนี้
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใช้งบลงทุนจำนวน 8.9 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของงบลงทุนทั้งหมด ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนในโครงการใหม่ คิอ เซ็นทรัล พัทยาบีช โฮเต็ล ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3/53 และโครงการก่อสร้างสาขาศูนย์การค้าใหม่ที่ จ.เชียงราย และ พระราม 9 รวมทั้งปรับปรุงลาดพร้าว
นอกจากนี้ กลุ่มค้าส่งเตรียมลงทุน 200 ล้านบาท และกลุ่มโรงแรมลงทุน 1.6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการต่อเนื่องเซนทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/53 และปิดปรับปรุงโรงแรมที่ลาดพร้าว ทั้งนี้ธุรกิจโรงแรมจะเติบโตจากการบริหารโรงแรมสูง ส่วนธุรกิจอาหารลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มแบรนด์ใหม่และเพิ่มสาขาร้านอาหาร
นายสุทธิธรรม ยังกล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลจะเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่จีน ส่วนที่อินเดียได้ปิดการเจรจาไปเรียบร้อยเนื่องจากมีปัญหาสูง ซึ่การที่รัฐบาลจีนออกมาชะลอกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มีผลกระทบเพราะยังมีกำลังซื้อที่ดี โดยขณะนี้กลุ่มค้าปลีก(CRC)อยู่ระหว่างเจรจาขยายสาขาในจีนอีก 3-4 แห่งคาดว่าจะได้เห็นในปี 54 หลังจากเปิดสาขาที่เมืองหังโจว และทาง CPN อยู่ระหว่างเจรจาลงทุนศูนย์การค้าแห่งใหม่ น่าจะเห็นในปี 54 เช่นกัน
"โครงการที่สถานทูตอังกฤษจะแถลงข่าว 2 เดือนข้างหน้าลงทุนไม่มาก เป็นหลัก 100 ล้านบาท ไม่กระทบต่อแผนลงทุนแม้ว่ายังไม่รวมไว้ในงบลงทุน นอกจากนี้จะเห็นดิวส์ M&A 1-2 ดีล ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท ส่วนการลงทุนของ CPN ในจีนคงเห็นปี 54 "นายสุทธิธรรม กล่าว
ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเมืองขณะนี้ยังไม่กระทบต่อการทำธุรกิจของกลุ่มมากนัก ถ้ารัฐบาลดีและมีเสถียรภาพจะไม่กระทบ และจะส่งผลทางบวกถ้าดำเนินนโยบายได้ต่อเนื่อง แต่หากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบก็อาจจะกระทบกับธุรกิจโรงแรมบ้าง
"ถ้ารัฐบาลอยู่ต่อและนโยบายไม่สะดุดจะกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งนโยบายภาครัฐเป็นเรื่องที่ดีควรจะทำต่อเนื่อง ซึ่งเป้าหมายการเติบโตที่ 7% จะดีกว่าหากนโยบายรัฐบาลสามารถทำได้จริง"นายสุทธิธรรม กล่าว
ส่วนการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายสุทธิธรรม กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งยอมรับว่ากังวล แต่กลุ่มเซ็นทรัลยังไม่มีการปรับแผนอะไร มีเพียงการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย แต่บริษัทคิดว่าทุกอย่างน่าจะสงบได้
ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า การลงทุนในจีนยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งการลงทุนในโรงแรม ค้าปลีก โดยที่หังโจวเปิดเดือน เม.ย.นี้ และยังมีอีกหลายแห่งที่กำลังเจรจาอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดอีกในปี 54 แต่จะเซ็นสัญญาอีก 3-4 แห่ง ใช้เงินลงทุนแห่งละ 500 ล้านบาท โดยกลุ่มตั้งงบลงทุนในจีนปีนี้ไว้ที่กว่า 2 พันกว่าล้านบาท ส่วนพื้นที่สวนลุมไนท์บาร์ซ่ายังเลื่อนไปไม่มีกำหนด แต่การพัฒนาที่ดินสถานทูตอังกฤษเห็นชัดเจนปี 55