นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.เพอร์เฟค พร็อพเพอรตี้ (PF) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามียอดขายเติบโตในปี 53-55 ไม่ต่ำกว่า 30% หรือ ปี 55 จะมียอดขายอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการปรับรูปแบบการพัฒนาตามความต้องการของผู้อาศัย และความพร้อมด้านการเงินของบริษัท ทั้งสภาพคล่องที่มีอยู่กว่า 1 พันล้านบาท และยังมีการเม็ดเงินในอนาคตจากการออกหุ้นกู้ในเดือน มี.ค.53 จำนวน 1.5 พันล้านบาท มีอายุ 3 ปี ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังกล่าว จะส่งผลให้ D/E ของบริษัทปรับลดลงมาอยู่ที่ 0.8 เท่า ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมี D/E อยู่ที่ 1 เท่า
"ตอนนี้เราค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น การปรับกลยุทธและการวางแผนรองรับ ถือเป็นสิ่งจำเป็นและการร่วมมือทางการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นแผนสำรองหากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ" นายชายนิด กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 1 หมื่นล้านบาท เป็นการเติบโตเกือบ 100% จากปี 52 โดยได้ประเมินภายใต้รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรภาษีอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่ารัฐบาลจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ หลังเสร็จสิ้นการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากรัฐบาลต่ออายุมาตรการภาษี จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวม แต่หากไม่มีการต่ออายุมาตรการภาษี อาจเห็นการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2/53 และอาจเห็นการปรับขึ้นราคาขายอสังหาริมทรัพย์อีก 5% ประกอบกับยังมีปัจจัยการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอีก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปี 53 คาดว่าจะเติบไม่ต่ำกว่า 12% เนื่องจากปริมาณการขายที่ดีขึ้น และการปรับกลยุทธที่เน้นพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมมากขึ้น อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการเมโทรพาร์ค และบริษัทยังมี backlog จำนวน 2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ทังหมดในปีนี้ และยังมีโครงการรวม 29 โครงการ ทั้งโครงการเดิมและโครงการใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ โดยได้ตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินในปีนี้ จำนวน 2.5 พันล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
นายชายนิด กล่าวอีกว่า ในปี 53 บริษัทจะมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด เป็นโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ UMILOFT ซึ่งจะเริ่มเห็นโครงการแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นอาจนำเข้าเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ วงเงิน 500 ล้านบาท คาดว่าจะมีข้อสรุปในเรื่องนี้ในช่วงไตรมาส 2/53 นอกจากนี้จะทยอยเปิดโครงการที่เหลือใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต ชลบุรี นครราชสีมา เป็นการเปิดโครงกาคอนโดมิเนียมนอกเหนือจากการโครงการในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมนำบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ PF ถือหุ้น 20% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดด้วย