โบรกเกอร์ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค(DCC)เจ้าตลาดกระเบื้องปูพื้นและบุผนัง คาดยอดขายและกำไรสุทธิในไตรมาส 1/53 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกำลังผลิตเพิ่มขึ้นและมาร์จินสูงมาก ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็น Net cash position มีเงินสดในมือกว่า 500 ล้านบาท คาดจ่ายปันผลไตรมาสแรกปีนี้ที่ 0.70-0.80 บาท/หุ้น จากนโยบายจ่ายปันผลทุกไตรมาส
DCC เป็น lowest cost producer ของ Sector นี้มี Gross margin สูงกว่า 40% มากกว่า 5 ไตรมาสแล้ว และยอดขายทั้งปี 53 คาดว่าจะเติบโต 15-16% หลัก ๆ มาจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามา 3 แสน ตรม./เดือนตั้งแต่ ม.ค.53 และ เฟส 2 อีก 3 แสน ตรม./เดือนกลางปีนี้ เป็นตัวผลักดันยอดขายเติบโต
ภาวะตลาดกระเบื้องปูพื้นและบุผนังปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากมุมมองมาตรการภาครัฐฯที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า และปีนี้ถือเป็นปีทองของราคาสินค้าเกษตร ทำให้การ renovate บ้านพักอาศัยเติบโตสูง ซึ่งเชื่อมโยงมายังการเติบโตของตลาดกระเบื้องด้วย ปัจจุบัน ตลาดกระเบื้องต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสานโตถึง 50%
ประกอบกับ DCC ปรับราคาขายกระเบื้องขึ้นจากเฉลี่ยปี 52 ที่ 125-126 บาท ขึ้นมาเป็น 128 บาทในปี 53 หรือเพิ่มขึ้น 1.6% แม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็ช่วยรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง เพราะราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาทำให้ค่าใช้จ่ายการขนส่งสูงขึ้น จึงต้องปรับราคาขายขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 53 ในช่วง 995-1,284 ล้านบาท เติบโตจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 996 ล้านบาท นอกจากนี้ DCC ยังเป็นบริษัทฯที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงด้วย คาดว่าปีนี้จะจ่ายเงินปันผลในช่วง 2.19-3.00 บาท/หุ้น เพิ่มจากปี 52 ที่จ่าย 2.07 บาท/หุ้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 32.28 บล.ทิสโก้ ซื้อ 38.20 บล.นครหลวงไทย ซื้อ 38.00 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 35.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 34.50 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 35.00 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 35.00 บล.ดีบีเอส(ประเทศไทย) ซื้อ 35.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 37.70 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 35.00 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ถือ 35.00
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)นะ"ซื้อ"หุ้น DCC ด้วยราคาเป้าหมาย 35 บาท/หุ้น ปัจจัยหลัก คือบริษัทฯเป็น lowest cost ของ Sector นี้ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และยอดขายก็เติบโตมาโดยตลอด จากการประสบความสำเร็จในการทำตลาด โดยใช้ Factory outlet ของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ยอดขาย Factory outlet คิดเป็น 80% ของยอดขายรวม
และในส่วนของมาร์จินก็พิสูจน์ได้ว่า DCC เป็น lowest cost producer จริง ๆ เพราะ Gross margin ก็อยู่สูงกว่า 40% มามากกว่า 5 ไตรมาสแล้ว ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็น net cash position ปัจจุบันมีเงินสดในมือกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้จ่ายเงินปันผลที่สูงได้
จากที่คาดว่าไตรมาส 1/53 จะมียอดขายและกำไรสุทธิ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เปิดบริษัทฯ เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและมาร์จินที่ยังสูงมาก เชื่อว่าปันผลของไตรมาส 1/53 ก็น่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ประเมินไว้ที่ 0.70-0.80 บาท/หุ้น ซึ่งบริษัทฯจะมีการจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส
สำหรับยอดขายทั้งปี 53 คาดว่าจะเติบโต 16% มาจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามา โดยในเดือน ม.ค.53 เข้ามาล็อตแรก 3 แสนตารางเมตร/เดือน และเฟส 2 อีก 3 แสนตารางเมตร/เดือนจะเข้ามาในกลางปีนี้ เพราะฉะนั้นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวผลักดันที่ทำให้ยอดขายเติบโต
ส่วนการปรับราคาขายกระเบื้องขึ้น จากเฉลี่ยปีที่แล้ว(2552)ที่ 126 บาท ขึ้นมาปีนี้ 128 บาท เพิ่มขึ้น 1.6% ถือว่าไม่มากนัก แต่ส่วนนี้จะไปช่วยรักษาระดับอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง เพราะว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูงขึ้น จึงต้องปรับราคาขายขึ้น ซึ่งทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่สูงได้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ที่ 1,191 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 996 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะจ่ายเงินปันผล 2.92 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield ที่ 9% เมื่อคิดจากราคาหุ้นบนกระดานที่ 32.25 บาท
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่ายอดขายและผลกำไรของ DCC ในปี 53 จะมีการเติบโตต่อเนื่องได้ดี คาดว่ายอดขายจะเติบโต 15% ส่วนหนื่งมาจากการปรับราคากระเบื้องสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ จากเดิม 125 บาท/ตารางเมตร เป็น 128 บาท/ตารางเมตร
DCC ยังมีจุดเด่นในเรื่องที่สามารถผลิตได้มากขึ้นและมีต้นทุนต่ำด้วย อีกทั้งปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าตลาดกระเบื้องในต่างจังหวัดที่ DCC ครองตลาดอยู่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสานโต 50% ทั้งนี้ คงเป็นผลจากมาตรการภาครัฐฯที่พยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ของ DCC ไว้ที่ 1,284 ล้านบาท เติบโตเกือบ 30% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 996 ล้านบาท นอกจากนี้ DCC ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่ดีด้วย โดยปีนี้คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 3 บาท/หุ้น เพิ่มจากปี 52 ที่มีการจ่ายเงินปันผลไป 2.07 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น DCC ด้วยราคาเป้าหมาย 38 บาท/หุ้น ว่า หลัก ๆ มาจากผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะเติบโตสูง โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 53 จะอยู่ที่ 995 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 996 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดกาณ์ไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิกว่า 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะเห็นว่าต้นทุนพลังงานในปีนี้น่าจะสูงและมีโอกาสกดดันมาร์จินได้ ดังนั้น จึงมีการประมาณการแบบ Conservative ไว้ก่อน แต่ก็ยังถือว่ามีการเติบโตสูงอยู่
ทั้งนี้ ได้มองแนวโน้มของกระเบื้องที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากมุมมองที่กำลังซื้อของรากหญ้าที่สูงขึ้น ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีทองของสินค้าเกษตรที่ราคาสูงทุกตัว ทำให้การปรับปรุงตกแต่งบ้าน(renovate)เติบโตสูงด้วย และเชื่อมโยงมาที่การเติบโตของตลาดกระเบื้องด้วย
นอกจากนี้ DCC ยังเป็นบริษัทฯที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยปี 53 คาดว่าจะจ่ายปันผลรวม 2.19 บาท/หุ้นหรือคิดเป็น Yield ที่ 7% คิดจากอัตราการจ่ายเงินปันผล 90% ของกำไรสุทธิ แต่ในครึ่งหลังปีนี้ DCC มีโอกาสจ่ายเงินปันผลขยับขึ้นมาเป็น 100% ได้ เนื่องจากฐานะทางการเงินของ DCC ถือว่าแข็งแกร่งมาก