หุ้น EE ราคาพุ่งพรวดขึ้น 21.74% มาอยู่ที่ 1.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 45.70 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.16 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.15 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.43 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.15 บาท
ล่าสุดเมื่อ 15.37 น.ราคาหุ้น EE อยู่ที่ 1.39 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท(+20.87%)มูลค่าซื้อขาย 46.39 ล้านบาท
นายวรเจตน์ อินทามระ กรรมการ บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ราคาหุ้น EE ปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมราคาหุ้นถึงได้พุ่งขึ้นมากขนาดนี้ เพราะบริษัทฯยังไม่ได้มีเรื่องอะไรใหม่เข้ามา คงดำเนินธุรกิจตามปกติ
ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 4/52 ก็คาดว่าน่าจะดีขึ้นและเริ่มเห็นกำไรได้ เนื่องจากมีรายได้รอรับรู้จากการขายธุรกิจอาหารทะเลไปเมื่อไตรมาส 3/52 แต่ภาพรวมของผลประกอบการทั้งปี 52 เชื่อว่าน่าจะยังขาดทุนอยู่ อีกทั้ง บริษัทฯยังมีขาดทุนสะสมอยู่ค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีอยู่ถึง 500-600 ล้านบาท
"คาดว่าไตรมาส 4/52 อาจจะเห็นกำไร เพราะมีรายได้รอรับจากการขายธุรกิจอาหารทะเลตีกลับเข้าไปในงบฯ แต่ภาพรวมของงบฯปี 2552 ก็คงจะยังขาดทุน เราเองก็ยังมีขาดทุนสะสมอยู่ค่อนข้างมาก ถึง 500-600 ล้านบาท หลังจากที่ได้ขายธุรกิจอาหารทะเลไปแล้ว ตอนนี้ก็มีเงินฝากอยู่ที่สิงคโปร์บางส่วน แต่ก็ไม่ใช่ก้อนใหญ่อะไร"นายวรเจตน์ กล่าว
กรรมการ EE กล่าวว่า สำหรับปี 53 บริษัทฯคงจะยังไม่มีผลกำไรชัดเจน เพราะบริษัทฯคงมุ่งเน้นแผนการสร้างโรงงานผลิตเอทานอล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกหาผู้รับเหมา ตั้งเป้าว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 2/53 และน่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยภายหลังจากที่โรงงานเสร็จสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ บริษัทฯก็มีแผนที่จะล้างขาดทุนสะสมให้เร็วที่สุด
"ปีนี้มองว่ารายได้ของบริษัทฯในลักษณะเป็นกอบเป็นกำคงจะยังไม่ชัดเจน เพราะบริษัทฯมุ่งเน้นที่จะสร้างโรงงานผลิตเอทานอลก่อน ตั้งเป้าจะเริ่มสร้างในไตรมาส 2/53 โดยขณะนี้กำลังเลือกผู้รับเหมาอยู่ ก็คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หลังจากนั้นเมื่อสร้างเสร็จมีรายได้เข้ามา ก็อยากที่จะล้างขาดทุนสะสมให้หมดโดยเร็วที่สุด"กรรมการ EE กล่าว
นายวรเจตน์ กล่าวถึงกรณีการหาพันธมิตรใหม่ว่า "ถ้ามีโอกาสก็เป็นไปได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไรกับใคร เพราะอยากจะลุยเรื่องการสร้างโรงงานเอทานอลก่อน โรงงานผลิตเอทานอลนี้จะใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลังในการผลิต"