"ช่วงที่ผ่านมาได้สะสางปัญหาไปได้มากจนกลับมามีกำไร เราน่าจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จะแซง MAY BANK ได้ภายในปีนี้" นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ประธานกรรมการ CIMBT กล่าว
ปัจจุบัน MAY Bank เป็นธนาคารพาณิชย์อันดับ 1 ของประเทศมาเลเซีย ตามด้วย CIMB Group ผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 94% ใน CIMBT ซึ่งมีเครือข่ายเป็นธนาคารในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย
ประธานกรรมการ CIMBT กล่าวว่า CIMB Group ไม่ได้มองภาพธุรกิจแค่เพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่มองภาพรวมทั้งภูมิภาคอาเซียน ไม่ใช่แค่การไปตั้งสาขาเพียง 1-2 แห่งในแต่ละประเทศเท่านั้น แต่จะไปสร้างเครือข่ายธนาคารในแต่ละประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์การทำงานของตนเองเมื่อ 20 ปีก่อนที่เป็นยุคบุกเบิกเรื่องการรวมกลุ่มอาเซียน
"CIMB จะเป็นความร่วมมือด้านการเงินที่เข้ามารองรับความร่วมมือเรื่องการค้าการลงทุนของอาเซียนที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น...ถ้าไปอินโดจีนได้จะทำให้มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วอาเซียน" นายจักรมณฑ์ กล่าว
ประธานกรรมการ CIMBT กล่าวว่า การที่ CIMB Group ถือหุ้นส่วนใหญ่ใน CIMBT ทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน โดยจะนำจุดเด่นของธนาคารมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การเชื่อมต่อการให้บริการแก่ลูกค้าที่จะไปลงทุนในประเทศที่มีเครือข่ายของธนาคาร ส่วนการหารายได้จะต้องเลือกในสิ่งที่มีความถนัดซึ่งไม่ใช่เป็นรายได้จากดอกเบี้ยที่มีต้นทุนสูง เช่น การปล่อยสินเชื่อในตลาด SMEs
"เราเห็นช่องทางที่จะแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งเรามีความถนัด" นายจักรมณฑ์ กล่าว
ประธานกรรมการ CIMBT กล่าวว่า การบริหารงานในปีนี้จะเร่งสะสางปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ให้หมดไปเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธนาคารมากขึ้น โดยดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการลดหนี้ที่มีอยู่ราว 9 พันล้านบาท, ลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) พร้อมกับสร้างรายได้เพิ่มด้วยการขยายสินเชื่อ, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่, การขายสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทบริหารสินทรัพย์สาทร(บบส.สาทร) ให้กับ CIMB Group
"ปีนี้จะปรับพื้นฐานให้เข้มแข็งมากขึ้น จะทำควบคู่กันไปทั้งลดหนี้และเพิ่มรายได้" นายจักรมณฑ์ กล่าว