นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน อินซูเลเตอร์(AI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าปี 53 รายได้จะเติบโตเป็น 3 พันล้านบาท จากในปี 52 ทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 2.5 พันล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ยังคงมาจากธุรกิจพลังงานทดแทนและน้ำมันพืช 50% และลูกถ้วยไฟฟ้า 50%
"เราหวังว่ารายได้ปี 53 จะกลับมาดีอย่างที่ตั้งใจว่าปี 52 จะมีรายได้กว่า 3 พันล้านบาท แต่ไม่สามารถทำได้เพราะว่าปัญหาเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า เป้าหมายนี้จึงหวังว่าจะเห็นในปี 53 และอาจจะมากกว่าด้วยเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ทิศทางต่างๆเริ่มดีขึ้น แต่งบปี 52 ยังไม่สามารถเปิดเผยได้มากนักเพราะเราอยู่ระหว่างการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แต่เชื่อว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ตามนโยบายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ"นายธนิตย์ กล่าว
ด้านการลงทุนปี 53 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนมูลค่า 150 ล้านบาทในธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยมีแผนก่อสร้างหอกลั่นมูลค่า 70 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขแบบคาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างได้ทันที ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 1 ปี ดังนั้น กว่าจะเห็นรายได้จากโรงไฟฟ้าก็คงจะเป็นในปี 54 แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าขนาดแค่ 5 เมกกะวัตต์ โดยจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับโรงงานของบริษัท และจำหน่ายแก่การไฟฟ้า
ส่วนการขยายกำลังการผลิตน้ำมันพืชเพิ่มเป็น 8 แสนลิตร จากปัจจุบัน 3.5 แสนลิตร จะใช้เงินลงทุนในส่วนที่เหลือ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 15 เดือน โดยจะแล้วเสร็จในปี 54 เช่นเดียวกัน ซึ่งการขยายกำลังการผลิตเนื่องจากตลาดน้ำมันพืชยังคงมีโอกาสเติบโตสูง ความต้องการซื้อสูงและกำลังซื้อยังคงเติบโตต่อเนื่อง
นายธนิต กล่าวต่อว่า อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าสูงถึง 35-40% แต่งานลูกถ้วยไฟฟ้าเป็นงานที่รับรู้รายได้ในระยะยาว โดยปัจจุบันบริษัทมีงานคงค้างในมือมูลค่า 180 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุมูลค่าได้ แต่ปกติบริษัทจะได้งานเข้ามาปีละ 500-600 ล้านบาท
ด้านธุรกิจน้ำมันพืช มีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าลูกถ้วยไฟฟ้าค่อนข้างมาก รวมทั้งต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันปาล์มในตลาดด้วย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย