นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้มีการชะลอการลงทุน การซื้อขายบางวันลดลงมาก เช่น ในช่วงวันตรุษจีน ลดลง 50% ทำให้การซื้อขายต่ำลงมาก โดยหลังพ้นช่วงตรุษจีนก็พบว่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะยังไม่เท่ากับในช่วงปีที่ผ่านมา หรือช่วงเดือนม.ค.ที่มีแรงซื้อเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความน่าสนใจ และมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีเงินออมในการลงทุนระยะยาวก็จะกลับเข้ามา ซึ่งเป็นข้อมูลที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจ
นางภัทรียา กล่าวต่อว่า ความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็มีความกังวลเช่นกัน และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง และกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทย และนักลงทุนต่างชาติ แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อม มีความเข้าใจและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าที่จะสร้างผลกระทบให้เกิดต่อประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักลงทุนต้องให้ความสนใจ และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด การลงทุนต้องพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานรวมถึงความเหมาะสมในการลงทุน เช่น ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียนจ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนมาก และผลประกอบการที่จะออกมาในเดือน ก.พ. นี้จะเป็นสิ่งที่ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสการลงทุนได้
"เชื่อว่าในช่วงการตัดสินคดียึดทรัพย์ฯ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะมีความผันผวนมากนัก" นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการเตรียมความพร้อมในรับมือการกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงในช่วงก่อนและหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ฯ 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า ในส่วนของตลท.ได้มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบงาน การให้ข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และเชื่อว่านักลงทุนจะได้รับข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการเตรียมความพร้อมของทางรัฐบาลนั้น ทางนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้มีการชี้แจงถึงสถานการณ์ทางการเมือง และการเตรียมความพร้อมของทางรัฐบาล เชื่อว่านักลงทุนจะมีความมั่นใจ และมีความเชื่อมั่นต่อการเตรียมพร้อมของรัฐบาล
"การได้รับข้อมูลข่าวสารต่อเนื่องตลอดเวลา เชื่อว่าคนทั่วไป และนักลงทุนได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น และไม่เป็นห่วงนัก อีกทั้งเชื่อว่าทุกฝ่ายจะเห็นกับความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ คงไม่อยากให้มีความรุนแรง ไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และประชาชนคนไทย"นางภัทรียา กล่าว