บมจ.ไทยเพรสซิเด้นท์ ฟู้ดส์(TF)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"มาม่า" และขนมปังกรอบเวฟเฟอร์และคุกกี้ "โฮมมั่"และ"นิชชิน" ประมาณการเติบโตของยอดขายปี 53 อยู่ที่ 5% หรือคิดเป็นยอดขายในปีนี้ 8 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 7.4 พันล้านบาท โดยมาจากการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก
พร้อมลงทุนปีนี้ 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"มาม่า"ทั้งชนิดคัพและชนิดซอง ขณะเดียวกันเล็งขยายการลงทุนในต่างประเทศในปีนี้พุ่งเป้าหมายเอเชียใต้ คาดได้ข้อสรุปร่วมทุนในบังคลาเทศเร็ว ๆ นี้ ส่วนอินเดียยังอยู่ระหว่างเจรจา เพื่อรองรับตลาดในประเทศที่เริ่มมีสัญญาณใกล้อิ่มตัว
"เราวิเคราะห์แล้วคิดว่าตลาดใกล้อิ่มตัว แต่เราจะสร้างมูลค่าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ทำให้ตัวเลขยอดขายโต 1-2 เท่า นี่คือกลยุทธ์เรา เพราะเราเห็นว่าบะหมี่ถ้วย(คัพ)ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตปีละ 30%..เดือนมกราคมที่ผ่านมามียอดขายเยอะกว่ามกราคมปีที่แล้วที่มียอดขาย 3 แสนกว่าหีบ"นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ TF กล่าว
ปัจจุบัน การบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปในประเทศอยู่ที่ระดับประมาณ 37-38 ซอง/คน/ปี จากระดับอิ่มตัวที่ 40 ซอง/คน/ปี ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรรูปชนิดคัพยังเติบโตได้อีก และยิ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นก็มีการบริโภคมากขึ้นด้วย จึงคาดว่าสัดส่วนการขาย"มาม่าคัพ"ในปีนี้จะเพิ่มเป็น 7-8% จากปีก่อน 5% ของยอดขายรวม
ดังนั้น บริษัทจึงได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดคัพเพิ่มอีกเท่าตัว หรือ 3 แสนหีบต่อเดือน เป็น 6 แสนหีบต่อเดือน โดยใช้งบลงทุนเครื่องจักรใหม่ จำนวน 250 ล้านบาท คาดว่าในเดือน ก.ย.- ต.ค.นี้จะเริ่มการผลิตได้ ขณะเดียวกัน บริษัทขยายกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซอง อีก 4.4 แสนซอง/วัน เป็น 6.52 ล้านซอง/วัน โดยใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือน ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒ กล่าว ขณะนี้ต้นทุนทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะแป้งสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลก ทำให้ผลผลิตลดลง ส่งผลให้ราคาเกษตรปรับสูงขึ้น โดยราคาแป้งสาลีขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้น 15% จากปีก่อน ที่มีราคาเฉลี่ย 345 บาท/กระสอบ(บรรจุ 22.5 กก.) แต่บริษัทได้บริหารความเสี่ยงโดยสั่งซื้อสต็อกแป้งสาลีล่วงหน้าไว้ใช้เกือบทั้งปี ในราคาใกล้เคียงกับปีก่อน
ส่วนน้ำมันปาล์มในปีนี้ ราคาปรับลดลงเล็กน้อย ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 27-28 บาท/กก.จากปีก่อนที่ 29-30 บาท/กก. เป็นผลจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน(AFTA) นอกจากนี้ก็ยังมีค่าแรงที่ปรับสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการบริหารงานเพิ่มขึ้นด้วย
"ปีนี้ผมไม่การันตีกำไรจะสูงกว่าปีก่อน เพราะแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้น ปีนี้มีด้านดีที่เศรษฐกิจดี แต่ก็มีด้านไม่ดี ที่พืชผลทางการเกษตรมีความไม่แน่นอนจากอากาศแปรปรวนทั่วโลก" นายพิพัฒ กล่าว
*ปีนี้คาดลงทุนในบังคลาเทศ -เพิ่มลงทุนในจีน
นายพิพัฒ กล่าวว่า นโยบายของบริษัทจะกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้น จากสภาพตลาดในประเทศเริ่มใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ดังนั้น บริษัทได้วางพื้นที่เป้าหมาย คือ ในอาเซียนและจีน ปัจจุบัน ลงทุนไปแล้วที่ พม่า กัมพูชา และในจีน
ในจีนมีแผนจะเพิ่มการลงทุนในเมืองหนานจิง จากที่เริ่มร่วมลงทุน (สัดส่วน 35%)ในเมืองฉงฉิง และปีก่อนลงทุนเพิ่มในเมืองเฉิงตู ทั้งนี้ ในวันจันทร์หน้า (22 ก.พ.) จะเดินทางไปดูพื้นที่ อาจเป็นได้ทั้งเช่าอาคารหรือซื้อที่ดินลงทุนเอง เพื่อขยายการลงทุนผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดคัพ
ขณะเดียวกันบริษัทได้ส่งทีมเข้าไปเจรจาที่บังคลาเทศแล้วคาดว่าจะเข้าไปร่วมลงทุน โดยปีนี้ได้ปรับนโยบายการลงทุนได้เกินกว่า 50% จากเดิมให้ลงทุนได้ไม่เกิน 50% เพื่อต่อไปจะนำรายได้กำไรเข้าไปในงบการเงินรวม คาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุป โดยเจรจากับธุรกิจ distributor 2-3 ราย คาดว่าเบื้องต้นจะมียอดขาย 3 หมื่นหีบต่อเดือนเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซอง
"เราเพิ่งส่งคนเข้าไปศึกษาในบังคลาเทศ ตอนนี้คุยอยู่ 2-3 ราย เราเองก็มีเทคโนโลยีและเงินทุน แต่ยังขาดเรื่องช่องทางการจำหน่าย ก็คิดว่าจะเลือกผู้ร่วมทุนช่วยเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายให้เรา"นายพิพัฒ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้สนใจการขยายการลงทุนไปที่อินเดีย ซึ่งมีบางรายเข้ามาติดต่อแล้ว แต่ยังไม่เริ่มการเจรจา โดยคาดว่าจะเป็นการลงทุนผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรปแบบซอง และในเวียดนาม แต่ก็การแข่งขันสูง
นายพิพัฒ กล่าวว่า ในอนาคต TF จะเพิ่มสัดส่วนจากการลงทุนผลิตและจำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบัน 5% ส่วนการส่งออกมีสัดส่วน 15% ซึ่งต่อไปอาจจะทดแทนด้วยการเข้าไปลงทุนและผลิตขายในประเทศนั้นๆ เลย