GL เล็งขายหุ้นเพิ่มทุนให้ดีลเลอร์ หวังแก้ฟรีโฟลตต่ำ-ขยายพอร์ตสินเชื่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 18, 2010 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดีพงศ์ สหะชาติศิริ กรรมการ บมจ.กรุ๊ปลีส(GL)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะนำหุ้นเพิ่มทุนที่จัดสรรให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)เสนอขายให้กับดีลเลอร์และคู่ค้าของบริษัทเป็นกลุ่มแรก เพื่อนำเงินมาใช้ในการยายพอร์ตสินเชื่อจักรยานยนต์ที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 พันล้านบาท และยังเป็นการแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตที่ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศที่กำหนดไว้ 15%

"ขณะนี้ไม่สามารถกำหนดได้ว่ากระบวนการเพิ่มทุนแบบเจาะจงจะแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งจะนำเข้าบอร์ดเพื่อพิจารณาหาผู้ร่วมลงทุน เบื้องต้นต้องการคนที่เข้ามาส่งเสริมธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จะพิจารณากลุ่มดีลเลอร์ที่เป็นคู่ค้าของบริษัท ซึ่งน่าจะได้รับผลดีทั้งสองฝ่าย บริษัทยืนยันว่าไม่ได้ต้องการเงินเพราะไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่มีสภาพคล่องหุ้นต่ำกว่าเกณฑ์"นายดีพงศ์ กล่าว

เช้าวันนี้ GL รายงานว่าคณะกรรมการบริษัทอนุมัติออกหุ้นเพิ่มทุน 6.5 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายให้กับ PP จำนงน 6 ล้านหุ้น ราคาไม่ต่ำกว่า 23.20 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 139.2 ล้านบาท โดยมีระยะดำเนินการภายใน 1 ปี ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจะรองรับวอร์แรนต์ที่จะออกให้กับกรรมการและพนักงาน

นายดีพงศ์ กล่าวว่า บริษทมีกำหนดจะต้องแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตต่ำให้เสร็จก่อนปี 54 หากสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะส่งผลดีต่อนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายหุ้นได้สะดวก ราคาหุ้นมีเสถียรภาพดีขึ้น และราคาหุ้นจะสะท้อนผลประกอบการมากขึ้น ยิ่งถ้าได้พันธมิตรที่ดีที่ส่งเสริมบริษัทในการดำเนินงาน ก็จะสะท้อนมายังรายได้และกำไรของบริษัทในอนาคตด้วย

สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนบริษัทจะนำส่วนหนึ่งมาขยายธุรกิจเพิ่มเติม โดย ณ สิ้นปี 52 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรถมอเตอร์ไค์มูลค่า 2 พันล้านบาท และมีแผนขยายพอร์ตเพิ่มเติมต่อเนื่อง แต่ยังกังวลปัจจัยเศรษฐกิจว่ามีการฟื้นตัวอย่างแท้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะพเศรษฐกิจโลกยังมีปัญหา รวมถึงปัจจัยในประเทศยังมีปัญหาการเมืองที่สร้างความกังวลต่อภาพรวม จึงไม่สามารถกำหนดเป้าหมายได้ แต่ก็ยังเชื่อว่าจะเติบโต

ปัจจุบัน บริษัทมีสาขา 5 แห่งและยังไม่มีแผนการเปิดสาขาเพิ่มเติมในปีนี้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายสามารถ จิระดำรง กรรมการผู้จัดการ GL เคยคาดการณ์รายได้ปี 53 ว่าจะเติบโตไม่ถึง 10% โดยเป็นการตั้งเป้าหมายภายใต้มุมมองแบบ Conservative เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ