FSS คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น 4% ช่วงสั้น หลังมีผลตัดสินคดียึดทรัพย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 18, 2010 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกัณฑรา ลัดดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บล.ฟินันเซีย ไซรัส(FSS)คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น หลังผ่านเหตุการณ์คดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม โดยประเมินเบื้องต้นว่าจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% หรือดัชนีอยู่ในระดับ 720 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลดลงไปแล้ว 8% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลงไปแค่ 4% ประกอบกับ นักลงทุนรับรู้ข่าวดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์จะเป็นการปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ เนื่องจากยังมีปัจจัยต่างประเทศที่ยังเป็นความเสี่ยงอยู่ โดยประเมินกรอบ down side ที่ 650 จุด แต่หากรวมสถานการณ์ทางการเมือง ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวที่ 630-650 จุด แต่ทั้งปี 53 ประเมินว่าดัชนีอยู่ที่ 860 จุด ค่า P/E 14 เท่า โดยรวมผลกระทบจากปัญหามาบตาพุดที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 40% ในตลาดที่ได้รับผลกระทบ แต่หากปัญหามาบตาพุดมีข้อสรุปได้มีโอกาสเห็นดัชนีปรับขึ้นมาที่ระดับ 900 จุดได้

"ตอนนี้นักลงทุนชะงักชะงันไม่กล้าลงทุน เพราะอยากรู้ว่าคดีจะออกมาอย่างไร แต่มองว่าพอการเมืองจบ คนก็จะกลับมาสนใจเรื่องมาบตาพุดอีก และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน ซึ่งรวมถึงเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติด้วยเพราะจากผลกระทบที่เกิดขึ้น จะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไร" นายกัณฑรา

นายกัณฑรา กล่าวอีกว่า หากพิจารณาการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปี เริ่มทยอยขายหุ้นออกเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยนักลงทุนต่างชารถอนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปแล้ว 9,000 ล้านบาท แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบตลาดหุ้นไต้หวันที่มีเม็ดเงินไหลออกไปถึง 80,000 ล้านบาท อินเดีย 20,000 ล้านบาท

และจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ยอมรับว่าส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง และซึ่งปกติก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นจะปรับตัวขึ้น แต่ช่วงนี้มีปัจจัยการเมืองเข้ามากระทบ ทำให้ดัชนีไม่ปรับขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ และหากปริมาณการซื้อขายในตลาดยังเบาบาง หรือต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท/วัน จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์ทำธุรกิจได้ลำบาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ