ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเผยข้อมูลด้านการผลิตที่สดใส ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และช่วยลดปัจจัยลบจากการที่บริษัท วอล-มาร์ท เปิดเผยยอดขายที่หดตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 83.66 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 10,392.90 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.24 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 1,106.75 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 15.42 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 2,241.71 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.24 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนราว 9 ต่อ 4
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคแห่งนี้ขยายตัวขึ้นแตะระดับ 17.6 จุดในเดือนก.พ. จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 15.2 จุด
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่สดใสออกมาเป็นระยะๆ โดยก่อนหน้านี้เฟดระบุว่าภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กมีการขยายตัวด้วยเช่นกัน โดยดัชนี Empire State Manufacturing Index เดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับ 24.91 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 18 จุด และมากกว่าเดือนม.ค.ที่ระดับ 15.92 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานเพิ่มขึ้น 31,000 คน เป็น 473,000 คนในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อรายงานยอดขายที่ลดลงของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างวอล-มาร์ท
นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่นใหญ่เชื่อว่าดัชนีจะยังคงปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นวอล-มาร์ปิดร่วง 1.1% หุ้นฮิวเล็ต-แพคการ์ด ปิดบวก 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ส่วนหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ปิดบวก 2.5% และหุ้นโอเวนส์-อิลลินอยส์ ปิดบวก 2.4%