หุ้น CPF บวก 1.67% มาที่ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 43.68 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.00 น. โดยเปิดตลาดที่ 12.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 12.10 บาท
นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น หลังจากประกาศผลประกอบการออกมาวันนี้ โดยประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/52 มีแนวโน้มออกมาที่ 2.4 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 685% YoY
และในปี 53 ทิศทางธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง หลังราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากซัพพลายในตลาดหายไปจากผู้ประกอบการรายเล็กประสบปัญหา และโรคระบาดใหม่ที่แพร่เชื้อในขณะนี้ ทำให้หมูขาดแคลน ขณะที่วัตถุดิบถูกล็อคในราคาถูกจนถึงกลางปี 53 ถึงแม้ว่าราคาวัตถุดิบเช่น ข้าวโพดจะปรับตัวสูงขึ้น
บล.บัวหลวงยังคงแนะนำ "ซื้อ"CPF เป้าหมาย 13.50 บาท โดยมองว่า ปี 52 กำไรสูงเป็นประวัติการณ์
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ยังแนะ"ซื้อ"หุ้น CPF ให้ราคาเป้าหมายที่ 16 บาท มองว่าการประกาศงบวันนี้อาจไม่ได้สร้างความตื่นเต้นมากนัก และช่วงไตรมาส 4/52 ไม่ใช่ช่วงไฮท์ซีซั่น และกำไรยังเป็นไปตามคาดที่ 2.4 พันล้านบาท เทียบ YOY สูงถึงกว่า 600% แต่คาดว่าบริษัทจะมีการประกาศจ่ายปันผลหลังประกาศงบโดยประเมินไว้ที่ 0.51 บาทต่อหุ้น ซึ่งความเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตาม วานนี้กรมการค้าภายในระบุว่ามีแผนเดินทางไปสำรวจตลาดซื้อขาย และฟาร์มเลี้ยงสุกรในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เพื่อสอบถามสาเหตุราคาเนื้อหมูทรงตัวสูง พร้อมจะหารือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกร เพื่อสอบถามสถานการณ์ต้นทุนว่าเพิ่มขึ้นอย่างไร เนื่องจากกขณะนี้ราคาขายปลีกเนื้อสุกรสูงถึงกก.ละ 115-125 บาท มากกว่าราคาแนะนำที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่กก.ละ 105-110 บาท มากกว่ากก. ละ 10-20 บาท
ส่วนสาเหตุที่เนื้อหมูแพงมาจากปริมาณเนื้อหมูออกสู่ท้องตลาดลดลง หลังจากเกิดโรคระบาดในประชากรหมู รวมทั้งปีนี้อากาศร้อนเร็วทำให้หมูกินอาหารน้อยจึงมีปริมาณเนื้อลดลง ประกอบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีต้นทุนการเลี้ยงหมูเพิ่ม โดยเฉพาะอาหารสัตว์ที่ราคาสูงจากกากถั่วเหลือง ปลายข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รำข้าวเพิ่มขึ้น