PTTAR บวก 1.23% "ซื้อเก็งกำไร"คาดกำไร Q1/53 ฟื้น-มีเรื่องควบรวมกิจการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 19, 2010 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น PTTAR ราคาวิ่งขึ้น 1.23% มาอยู่ที่ 24.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 159.43 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น. โดยเปิดตลาดที่ 24.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 24.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 24.40 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ให้ราคาเป้าหมาย 31 บาท จากประเด็นเรื่องการควบรวมกิจการและผลกำไรที่จะฟื้นตัวต่อในปีนี้ ทั้งนี้ คาดว่าผลกำไรไตรมาส 1/53 ของบริษัทจะฟื้นตัวดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันค่าการกลั่นสิงคโปร์เฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 2.57 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาส 4/52 และแม้ spread margin ของพาราไซลีนเฉลี่ยไตรมาสแรกถึงปัจจุบันจะลดลง 17% qoq เป็น 315 เหรียญ/ตัน แต่ spread margin ของเบนซีนที่ดีขึ้น 22% qoq เป็น 281 เหรียญ/ตันก็จะช่วยชดเชยได้ในระดับหนึ่ง

โดยรวมแล้วคาดว่าแนวโน้มค่าการกลั่นปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยคาดค่าการกลั่นเฉลี่ยในปีนี้ไว้ที่ 4.50 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปคาดว่าจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ spread margin ของอะโรเมติกส์คาดว่าจะทรงๆ ตัวเทียบกับปีก่อน จาก supply ใหม่จำนวนมากที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปีก่อนรวมไปถึงในปีนี้ที่จะคอยกดดัน spread margin

จากผลดังกล่าวทำให้ประเมินผลกำไรในปีนี้ของบริษัทไว้ที่ 10,184 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.44 บาท เพิ่มขึ้น 11% yoy ยังคาดว่าการรวมกิจการในเครือ PTT ในขั้นแรกจะยังเป็นการควบรวมกิจการของ PTTAR กับ IRPC ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นไตรมาส 2/53 โดยวิธีการกำลังศึกษาอยู่หลายทางไม่ว่าจะเป็นการ Takeover, Share swap หรือ Amalgamation

บล.เกียรตินาคิน ยังมีความน่าสนใจในการลงทุน ทำให้ยังคงแนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"สำหรับ PTTAR จากการฟื้นตัวของผลประกอบการ 1Q53 และในปี 2553, ประเด็นการควบรวมกิจการกับ IRPC โดยคาดว่าจะเกิดความชัดเจนในปลาย 1Q53, คาดบริษัทจะจ่ายปันผลปี 2552 ไม่น้อยกว่า 1.25 บาท (Yield 5%), Upside Gain ที่มากถึง 40% จากราคาที่เหมาะสมที่ประเมินไว้ที่ระดับ 34 บาท

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีผลประกอบการ 1Q53 มีกำไรอยู่ในกรอบ 3,500—4,500 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปี 2553 เชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยประเทศจีนยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสิ่งทอและอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ