PTTEP รุกขยายแหล่งผลิตก๊าซ-น้ำมันช่วง 5 ปี พร้อมสรุปลงทุน FLNG ในปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 22, 2010 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)ปรับลงทุนเชิงรุกมากขึ้นในช่วง 5 ปี(53-57)เดินหน้าขยายแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีทั้งก๊าซและน้ำมันเพิ่ม ด้วยการเข้าซื้อกิจการแหล่งใหม่และขยายพื้นที่สัมปทานแหล่งเดิมเพื่อขยายพอร์ตสินทรัพย์หรือพอร์ตลงทุนที่ปัจจุบันมี 42 โครงการใน 13 ประเทศ รวมมูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท รวมทั้งทบทวนปรับพอร์ตอยู่สม่ำเสมอเพื่อเสริมความแข็งแรง ขณะที่ โครงการ FLNG (Floating Liquefied Natural Gas Production)คาดต้นปี 54 สรุปการลงทุน และวางเป้าหมายเริ่มผลิตปลายปี 57 ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทสามารถขยายการผลิตและขายได้มากขึ้นในอนาคต

"ใน 5 ปีเรามีโครงการต่อยอดอยู่แล้ว เสริมด้วยการซื้อกิจการ พอร์ตลงทุนจะเปลี่ยนไปจะเห็นการขยายโครงการมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ...5 ปีนี้เราทำธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นจากเมื่อก่อนอยู่ในประเทศเป็นหลัก แต่วันนี้เราจะมองหาโอกาสการซื้อกิจการ การหาพาร์ตเนอร์เข้ามาร่วมมือเป็นหลัก เราจะทำธุรกิจ ENP ครบวงจร คือ สำรวจ พัฒนา และผลิต"นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"

การเติบโตของบริษัทจะมุ่งไปที่การเข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเน้นกิจการที่ใกล้เปิดดำเนินการหรือดำเนินการอยู่แล้ว แต่ไม่ได้กำหนดว่าปีหนึ่งจะมีจำนวนเท่าไรแล้วแต่โอกาส ขณะเดียวกัน วันนี้บริษัทได้มีพื้นที่เป้าหมายจะซื้อกิจการที่คิดว่าสามารถสร้างอนาคตให้กับบริษัทที่จะเติบโตได้ ได้แก่ พม่า อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเวียดนาม ถือว่าเป็นพื้นที่หลักที่ให้ความสำคัญ แต่ก็จะไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่เป้าหมายหากมีโอกาสเข้าไปแหล่งอื่น

นอกเหนือจากนั้น บริษัทจะไปดูพื้นที่ที่สำรวจที่ทำอยู่ปัจจุบันว่ามีโอกาส และศักยภาพ มีมากน้อยอย่างไร เช่น ในอัลจีเรีย ซึ่งบริษัทได้แปลงสัมปทานมาใหม่ร่วมกับจีน แปลงนี้ได้ขุดพบน้ำมัน เป็นโครงการพัฒนาต่อจากโครงการแรก รวมทั้งยังเข้าไปดูศักยภาพในอียิปต์ด้วย

"เราไปเล็งพื้นที่เป้าหมายอื่นว่าจะได้อีกหรือไม่ เพื่อทำให้เราขยายออกไปได้ ไม่ใช่จำกัดแต่เฉพาะที่เราเคยบอกไว้ ปีนี้ก็ต้องมาทบทวนอีกว่ามีพื้นที่เป้าหมายอื่นมีอีกหรือเปล่าที่เราควรจะหมายตาไว้บ้าง ควรจะยืดหยุ่น โอกาสการลงทุนไม่เจาะจงแต่พื้นที่เป้าหมายอย่างเดียว...เรามองมากกว่า 13 ประเทศที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มจำนวนประเทศอย่างเดียว จะเป็นการจัดการลักษณะที่อาจมีทั้งลดและเพิ่มในแต่ละแหล่ง อาจจะลดลงน้อยกว่า 13 ประเทศ และเพิ่มประเทศอื่น"นายอนนต์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเริ่มเข้ามาจัดการพอร์ตลงทุนอย่างเป็นระบบหลังจากที่เห็นว่าพอร์ตลงทุนเริ่มใหญ่ขึ้นและกำลังจะขยายไปต่างประเทศมากขึ้นแหล่งใหม่มากขึ้น โดยนำแหล่งสำรวจใหม่ที่หาเข้ามาเปรียบเทียบของแหล่งเดิมที่มีอยู่ในมือ หรือแหล่งสำรวจที่มีอยู่ในมือก็ต้องมีการปรับอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าพื้นที่ไหนไม่มีศักยภาพเติบโตต่อไปได้ หรือ ตรงไหนที่ถือไว้มากเกินไป หรือ เสี่ยงเกินไป ก็จะหาคนอื่นเข้ามาช่วยถือหรือร่วมลงทุน ซึ่งก็เป็นยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ไม่จำเป็นต้องทำเองคนเดียว การดำเนินการในลักษณะนี้เชื่อว่าจะทำให้บริษัทขยายงานออกไปได้อีกมากในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะทำควบคู่กับการเพิ่มขีดความสามารถแหล่งสำรวจ

นายอนนต์ กล่าวว่า บริษัทมี 20 โครงการอยู่ระหว่างสำรวจและขุดเจาะ ซึ่งโอกาสสำเร็จมี 1 ใน 5 ซึ่งน้อยมาก ทำให้บริษัทต้องหาทางเข้าไปซื้อกิจการเพื่อเร่งการขยายพอร์ต

ปัจจุบัน พอร์ตลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท รองลงมาก็คือ พม่า โดยแหล่งสำรวจในไทยสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% แต่ในอนาคตจะมีแหล่งจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น และในอีก 10 ปีข้างหน้า(ปี ค.ศ. 2020 หรือปี พ.ศ.2563)รายได้จากต่างประเทศจะเข้ามาเพิ่มเป็นส้ดส่วน 50%

*โครงการ FLNG คืออนาคต

นายอนนต์ กล่าวว่า โครงการ FLNG ซึ่งเป็นการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติให้กลายเป็นของเหลวแล้วขนส่งทางเรือไปยังตลาด ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนของโครงการที่เบื้องต้นมองว่าจะมีการผลิต LNG ประมาณ 2 ล้านตันต่อลำเรือ และบริษัทจะเจาะลึกข้อมูลเพื่อให้มั่นใจก่อนจะตัดสินใจลงทุน รวมถึงงบประมาณการลงทุนที่จะสรุปในต้นปี 54 และวางแผนจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 57

"เราวางเป้าไว้ว่าภายในปี 2014(ปี 57)ค่อนไปปลายปี จะเริ่มผลิตได้ ซึ่งเราอาจจะขึ้นทีเดียว 2-3 โครงการ ติดๆกันได้ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เราคิดว่าบ้านเรารองรับได้สบาย... ถ้าเราทำได้เราก็จะเป็นรายแรกๆของโลก แต่ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ก็เริ่มเข้ามาทำ"นายอนนต์ กล่าว

นายอนนต์ กล่าวว่า การทำโครงการ FLNG เนื่องจากมองว่าอนาคตการหาแหล่งก๊าซใกล้ๆ ฝั่งจะหายากขึ้น ขณะที่แหล่งที่นอกชายฝั่งมีอยู่มาก แต่ไม่คุ้มที่จะวางท่อ ฉะนั้น การทำ FLNG ที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามา และหากสำเร็จจะเป็นโครงการนำร่องสามารถเจาะเข้าไปแหล่งก๊าซอื่นๆได้อีก

ทั้งนี้ เพราะบริษัทมั่นใจว่ามีตลาดรองรับโดย บมจ.ปตท(PTT)เข้ามารับซื้อ และมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ก๊าซของตลาดในประเทศช่วง 5 ปีนี้จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% จากปัจจุบันมีความต้องการใช้ 3.5 พันล้าน ลบ.ฟุต/ปี ก็จะเพิ่มมาเป็นประมาณ 5 พันล้าน ลบ.ฟุต/ปี

นายอนนต์ เล่าให้ฟังว่า ขั้นตอนต่อไปเป็น STEP ที่ 2 ก็จะเจาะลึกข้อมูลมากขึ้น ซึ่งดูขนาดแล้วต้องมีขนาดผลิต LPGประมาณ 2 ล้านตันถึงจะคุ้ม เข้าไปดูในรายละเอียดแบบด้านวิศวกรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นออกแบบก่อสร้าง และตีราคาว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร พร้อมทั้งศึกษาด้านความปลอดภัย โครงสร้างธุรกิจ การขนส่ง และตลาดให้มีความชัดเจน รวมถึงกฎหมายในประเทศนั้นด้วย

และจะขยับขึ้นมาเป็น STEP 3 ช่วงกลางปีนี้ก็จะลงรายละเอียดว่าใครจะเป็นทีที่ปรึกษา การออกแบบวิศวกรรม อู่ต่อเรือ เตรียมการเรื่องการผลิตและผลตอบแทน ดูความเสี่ยงทุกจุด ขั้นสุดท้ายก็จะลงลึกในรายละเอียด

“ตอนนี้เราอยู่ใน step ที่ 2 คาดว่าต้นปี 54 จะตัดสินใจลงทุน ความเสี่ยงทั้งหมดเรากำลังดูอยู่ ความคุ้มทุนดูต้นทุนเป็นหลัก คุ้มความเสี่ยงหรือเปล่า ลงทุนครั้งแรกเราดูความต่อเนื่อง ความเสี่ยงคุ้มหรือเปล่าก็จะต้องมีบวกบวกเหมือนกัน"นายอนนต์ กล่าว

*ปี 53 คาดกำไรสุทธิสูงขึ้น

นายอนนต์ คาดว่าปี 53 จะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 52 ที่ลดลงเหลือ 2.22 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรายได้จะเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และราคาขายจะได้สูงกว่าปีก่อน

"ปีนี้กำไรจะดีกว่าปีที่แล้ว เพราะเราไม่ต้องตั้งสำรองในแหล่งมอนทาราเพิ่ม แต่เราจะทยอยรับรู้เงินประกันภัยที่เข้ามาในปีนี้ประมาณ 220 ล้านเหรียญ ซึ่งเราก็เริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้วไป 40 ล้านเหรียญ ที่เหลือ(220 ล้านเหรียญ)ก็จะทยอยเข้ามาเป็นกำไรก่อนหักภาษี" นายอนนต์ กล่าว

กำไรเติบโตขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน โดยบริษัทตั้งเป้าว่าปี 53 จะมีปริมาณขายที่ 2.54 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีปริมาณ 2.34 แสนบาร์เรล/วัน รวมทั้งคาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะดีขึ้น เป็นผลจากความต้องการใช้ก๊าซปีนี้เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนที่เติบโตเพียง 1-2% บริษัทยังประเมินจากราคาน้ำมันปีนี้เฉลี่ยที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล จากปีก่อนเฉลี่ย 60 เหรียญ/บาร์เรล และยังคาดว่าราคาน้ำมันในช่วง 5 ปีนี้แกว่งตัวในช่วง 70-80 เหรียญ/บาร์เรล

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะมีกำไรและรายได้ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายสูงขึ้น และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกนี้จะผันผวนมากแต่เป็นไปในทิศทางบวก ทำให้ราคายังอยู่ระดับดี

ในปีหน้า แหล่งมอนทาราในออสเตรเลียจะเริ่มการผลิตได้กลางปี 54 ทำให้ปีหน้ามียอดขายเติบโตก้าวกระโดดเพราะมีผลผลิตจากแหล่งมอนทาราและเวียดนามแปลง 16-1

นายอนนต์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ เสนอขายนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบัน เพื่อนำไปใช้ขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยขณะนี้มีดีลเจรจาซื้อกิจการในต่างประเทศนอกเหนือแผนลงทุนเดิม คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ ขณะที่การออกหุ้นกู้สกุลบาทน่าจะเสนอขายในช่วงเดือนพ.ค. แต่ยังต้องทบทวนแผนการใช้เงินก่อนจะสรุปวงเงิน

และในปีนี้ บริษัทวางแผนจะเจรจาพันธมิตรเข้าร่วมทุนในแหล่ง M9 ในพม่าให้เรียบร้อยภายในปีนี้ โดยบริษัทยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซภายในเดือนมี.ค.นี้

อนึ่ง บริษัทได้วางงบลงทุนช่วง 5 ปี(53-57)ไว้จำนวน 4.29 แสนล้านบาท โดยปี 53 ใช้งบลงทุน 9.8 หมื่นล้านบาท ส่วนในปี 54-57 ใช้งบ 3.3 แสนล้านบาท โดยจำนวนลงทุนในต่างประเทศ 1.4 แสนล้านบาท ส่วนในประเทศใช้ 1.9 แสนล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ