(เพิ่มเติม) PTTAR คาดปี 53 GIM สูงกว่า 5 เหรียญ/บาร์เรล, รายได้-กำไร Q1/53 ดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 22, 2010 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)คาดว่า ปี 53 ค่าการกลั่นรวม (GIM) น่าจะอยู่สูงกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าในปี 52 ที่อยู่ในระดับ 4.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล พร้อมทั้งคาดว่ารายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 1/53 จะดีขึ้นทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น

ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังที่ระดับ 2.8 แสนบาร์เรล/วัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่ผลิต 2.54 แสนบาร์เรล/วัน โดยมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรของโรงอะโรเมติกส์ 1 ในช่วงเดือน มิ.ย.53 เป็นเวลา 1 เดือน และปีนี้มีแผนใช้งบลงทุนราว 280 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในโครงการยูโร 4

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTAR คาดว่า ในปีนี้ราคาขายและสเปรดทั้งพาราไซลีนและเบนซีนจะสูงกว่าปีก่อน เป็นการสะท้อนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งหลังปี 53 โดยในดือน ม.ค.-ก.พ.53 ที่ผ่านมาราคาพาราไซลีนอยู่ประมาณ 980-1,000 เหรียญ/ตัน สเปรดอยู่ที่ 487 เหรียญ/ตัน จากราคาเฉลี่ยปี 52 ที่ 982 เหรียญ/ตัน สเปรดอยู่ที่ 326 เหรียญ/ตัน

ส่วนราคาเบนซีน ช่วง ม.ค.53 ปรับขึ้นไปสูงถึง 1,031 เหรียญ/ตัน สเปรดอยู่ที่ 419 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนราคาขายเฉลี่ย 676 เหรียญ/ตัน สเปรดที่ 164 เหรียญ/ตัน

ขณะที่ไตรมาส 4/52 ราคาขายพาราไซลีนอยู่ที่ 1,005 เหรียญ/ตัน สเปรด 377 เหรียญ/ตัน ส่วนเบนซีน มีราคาขาย 860 เหรียญ/ตัน สเปรดอยู่ที่ 232 เหรียญ/ตัน

นายชายน้อย กล่าวว่า ราคาน้ำมัน(WTI)ในปีนี้คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหรืออยู่ในกรอบ 70-85 เหรียญ/บาร์เรล จากปี 52 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 67 เหรียญ/บาร์เรล เป็นผลจากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐ และในช่วงฤดูหนาวมีการใช้มากขึ้น ส่งผลให้มาร์จิ้นธุรกิจน้ำมันปรับตัวดีขึ้นด้วย

ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้ปี 53 จะสูงกว่าปี 52 ที่มีรายได้ 2.25 แสนล้านบาท แต่ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้า Commodity จึงยังคาดการณ์แน่นอนได้ลำบาก และมีความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในยุโรปและสหรัฐ ส่วนในเอเชียภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง

"เรามองว่าดีมานด์ในปี 2010 สูงขึ้นจากปี 2009 จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทุกคนก็มองว่าจะเห็นการเติบโตชัดเจนในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 นี้ โดยเฉพาะพาราไซลีนมองว่ามีดีมานด์ค่อนข้างสูง...ปีนี้เรามองว่าราคาน่าจะสะท้อนภาะวเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปีนี้ capacity สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย และมีการ shoutdown น้อยกว่าปีก่อน" นายชายน้อย กล่าว

นอกจากนี้ การที่บริษัทเชื่อมต่อการผลิตของโรงกลั่นไปยังโรงอะโรเมติกส์ ทำให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการผลิตเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนการผลิตด้วย ในส่วนนี้บริษัทมองว่าจะได้รับประโยชน์เป็นเงินประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิในปีนี้ดีขึ้นด้วย

ส่วนการปิดซ่อมบำรุงโรงอะโมเติกส์หน่วยที่ 1 (AR2) กำลังการผลิต 7 หมื่นบาร์เรล/วัน จะดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยต่อบริษัทที่สุด เพราะในช่วงไตมาส 2/53 เป็นไตรมาสที่มีมาร์จิ้นอ่อนตัวอยู่แล้ว โดยธรรมชาติ เพราะอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาว

นายชายน้อย กล่าวถึงการออกหุ้นกู้ 500 ล้านเหรียญ ในช่วง 5 ปี (53-57)ว่า บริษัทต้องการระดมเงินเพื่อนำไปใช้คืนชำระหนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยปี 53 บริษัทมีกำหนดต้องชำระหนี้คืนจำนวน 4.5 พันล้านบาท และในปีหน้า ประมาณ 9 พันล้านบาท

ขณะที่การลงทุนในปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 280 เหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ลงทุนโครงการยูโร 4 ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ