SNC ตั้งเป้าปี 53 รายได้โต 30%, อัตรากำไรสุทธิสูงเป็น 5% จาก 2.8-3%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 22, 2010 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) ตั้งเป้าปี 53 รายได้เติบโต 30% จากที่มีรายได้ 4,901 ล้านบาทในปี 52 ขณะที่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาในระดับใกล้เคียงกับปี 50 ที่เคยทำกำไรได้สูงถึง 200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะสูงขึ้นเป็น 5% จาก 2.8-3.0% ในปีก่อน

บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาและจะขยายไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศ

นายสมชัย กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้หันมาเพิ่มสายการผลิตในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ระดับ 3 หมื่นบีทียู ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงกว่าเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก โดยมาร์จิ้นจะสูงกว่า 10% และมีกำไรจากการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเข้ามาเพิ่มอีกทางด้วย

สำหรับรายได้หลักในปีนี้มาจากการผลิตเครื่องปรับอากาศ โดยจะเติบโตตามการฟื้นตัวอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณการผลิตสูงถึง 1.5 ล้านคัน และยังมาจากการภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวได้ดี ซึ่งส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของผลประกอบการบริษัทให้ดีขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดังกล่าวคงจะต้องขึ้นอยู่กับปัญหาการเมืองที่ต้องมีข้อยุติ

"ตอนนี้บ้านเราติดแค่เพียงเรื่องกีฬาสี หากจบได้ทุกอย่างก็จะดี เพราะบ้านเราถือว่าได้เปรียบเมื่อเทียบกับเวียดนามและจีน อีกอย่างการเมืองมีผลต่อการต่อรองลูกค้าด้วย และขณะที่ปัญหามาบตาพุดต้องจบด้วยไม่อย่างนั้นเหนื่อย"นายสมชัย กล่าว

ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งรายเดิมและรายใหม่ โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดที่ปัจุบันมี 600 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 0.7 เท่า

ทั้งนี้ การเพิ่มเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่เป็นการขยายตลาดที่มากขึ้นนอกเหนือตลาดเอเชียและยุโรป ซึ่งวางแผนว่าจะเจาะตลาดเอเชียและยุโรปเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกมีอัตราการขยายตัวที่ดีขึ้นค่อนข้าง รวมถึงชุดควบคุมที่ขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วบางส่วน

นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนขายหุ้นที่ซื้อคืนมาจำนวน 12.8 ล้านหุ้นโดยเสนอขายในกระดานปกติ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการและความเหมาะสมของราคา ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเหมาะสมที่ 8 บาท จากปัจจุบันที่ราคาซื้อขายกันที่ 6.20 บาท และยังมีปัจจัยสนับสนุนทางธุรกิจที่จะเห็นช่วงพีคธุรกิจในไตรมาส 3/53 โดยราคาที่บริษัทซื้อคืนราคาเฉลี่ยที่ 4.20 บาท ซึ่งการขายหุ้นออกไปในกระดานจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นมากกว่าเมื่อเทียบกับการลดทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ