ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายเศรษฐกิจและการเงินต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมค้าปลีก หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 18.97 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 10,383.38 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.16 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 1,108.01 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.84 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 2,242.03 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีอยู่ราว 7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตาส่วน 1,540 ต่อ 1,511 หุ้น
นักลงทุนจับตาดูเบอร์นันเก้ที่เตรียมแถลงนโยบายเศรษฐกิจและการเงินต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งชี้แจงเหตุผลของการเตรียมถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% เป็น 0.75% เนื่องจากตลาดการเงินและภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2552 ที่ขยายตัวในอัตรา 5.7% ต่อปี ซึ่งทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี
เมื่อไม่นานมานี้เบอร์นันเก้ได้เข้าชี้แจงแผนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน การปิดโครงการจัดหาสภาพคล่องฉุกเฉินบางส่วน รวมทั้งชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ และปล่อยให้โครงการซื้อหลักทรัพย์หมดอายุลงภายในไตรมาสแรกของปี 2553
นักลงทุนจับตาดูว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการควบคุมภาคการธนาคารหรือไม่ หลังจากอดีตรัฐมนตรีคลัง 5 คนของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ จอห์น สโนว์, พอล โอนีล, นิโคลัส แบรดี้, จอร์จ ชูลท์ และดับเบิ้ลยู ไมเคิล บลูเมนธอล เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านข้อเสนอการใช้มาตรการจำกัดขนาดและการลงทุนของสถาบันการเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะลดความเสี่ยงอันอาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมค้าปลีก หลังจากบริษัท โลว์คอส เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 27% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ และส่งผลให้ราคาหุ้นโลว์คอส ปิดลบ 6 เซนต์ แตะที่ 23.07 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงบริษัท เมซี อิงค์, ทาร์เก็ต อิงค์, โฮม ดีโปท์ อิงค์ และแก๊ป อิงค์
เฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 0.02 จุด จากเดือนธ.ค.ที่ -0.58 จุด