นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW)คาดว่า ในปี 53 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 10% ตามปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นราว 10% จากปีก่อน ขณะที่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นค่าน้ำในปีนี้ แต่อาจมีการปรับสูตรการคิดค่าน้ำจากลูกค้าหากภาครัฐมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร(FT)เพื่อให้ลูกค้ารับภาระดังกล่าว
ส่วนผลประกอบการปี 52 รายได้เติบโต 15% แม้ว่าภาพรวมปริมาณการใช้น้ำจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทได้ปรับขึ้นค่าน้ำ ทำให้รายได้สูงขึ้นจากปี 51 โดยอัตราค่าน้ำที่ระยองปรับเป็น 9.25 บาท/ลบ.ม. จาก 8.50 บาท/ลบ.ม. และที่แหลมฉบังปรับเป็น 9.25 บาท/ลบ.ม. จาก 6.00 บาท/ลบ.ม. เนื่องจากอัตราเดิมต้องแบกภาระขาดทุน โดยเฉพาะที่แหลมฉบังต้องผันน้ำจากแหล่งอื่นเข้ามาถึง 50 ล้านลบ.ม. ทำให้ต้นทุนสูงกว่าแหล่งอื่น
นายประพันธ์ กล่าวว่า ปริมาณความต้องการน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นจะมาจากลูกค้าปัจจุบัน เช่น การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยคาดว่าปริมาณการใช้น้ำในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 221 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ในปี 52 ซึ่งเห็นแนวโน้มได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปีก่อน ต่อเนื่องต้นปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปีนี้ปริมาณการใช้น้ำดีกว่าเป้าที่คาดไว้ ทำให้บริษัทประเมินว่าไตรมาส 1/53 กำไรสุทธิจะมากกว่าไตรมาส 4/52 และจะเติบโตได้ราว 50% หากสามารถบันทึกกำไรจากรายการพิเศษเข้ามาทันจำนวน 70 ล้านบาท โดยมาจากการขายโครงการวางท่อประแสร์-คลองใหญ่ให้กับรัฐบาล ซึ่งรัฐจะจ่ายเงินสดเต็มโครงการ 1,677 ล้านบาท คาดสรุปภายในเดือนมี.ค.53 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สิน
เฉพาะในเดือน ม.ค.53 ปริมาณการใช้น้ำดิบเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ยอดขายน้ำโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาดประมาณ 5% ซึ่งหากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนจะเติบโตถึง 17% เพราะช่วงต้นปี 52 บริษัทรับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจ แต่พอไตรมาส 3-4/52 ฟื้นตัวขึ้นมา
บริษัทคาดว่าทั้งปี 53 ปริมาณจำหน่ายน้ำดิบน่าจะเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 239 ล้าน ลบ.ม.และในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าน่าจะเติบโตได้เฉลี่ยปีละ 10% จากความต้องการใช้น้ำในธุรกิจปิโตรเคมีระยะ 3 ในมาบตาพุด(265 ลบ.ม.ในปี 54, 294 ลบ.ม.ในปี 55 และ 304 ลบ.ม.ในปี 56) และรายได้รวมปีนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้น 10% จากปี 52 อยูที่ 2,879 ล้านบาท
"ปีนี้โต 10% ถัดไป 10กว่า% อีก 5 ปีข้างหน้าโตดูดีมาก การลงทุนปีนี้และปีหน้าเน้นเชื่อมโยงท่อครบถ้วน"นายประพันธ์ กล่าว
บริษัทคาดว่าในปีนี้จะใช้งบลงทุนประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท สำหรับลงทุนท่อส่งน้ำเส้นที่ 3 ในพื้นที่มาบตาพุด จากแผนลงทุนในปีนี้ที่ 1,850 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้จริงแต่ส่วนหนึ่ง ซึ่งโครงการท่อส่งน้ำเส้นที่ 3 นี้คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 3/54 มูลค่าลงทุนรวม 2,111 ล้านบาท สามารถส่งน้ำได้ 105 ล้าน ลบ.ม.จากปัจจุบัน 2 เส้น อยู่ที่ 168 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนารลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก (มินิไฮโดร เพาเวอร์) ขนาด 500 กิโลวัตต์ คาดว่าจะเริ่มได้ภายในปีนี้ โดยจะใช้เงินลงทุนในเบื้องต้น 30-40 ล้านบาท
นายประพันธ์ กล่าวว่า สถานการณ์ปริมาณน้ำดิบปัจจุบันค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าอาจได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศเอลนีโญ่ แต่เราก็ไม่ประมาทโดยพยายามเติมน้ำไว้ตลอด ติดตามน้ำทุกเดือนถ้าตกโซนก็จะสูบน้ำจากแหล่งน้ำสำรองสำหรับเป็นต้นทุนน้ำปีหน้าเพื่อประกันความเสี่ยงขาดแคลนน้ำปีหน้าที่อาจจะขาดแคลนได้แต่เท่าที่ดูต้นปีน้ำเยอะปีนี้ก็เชื่อว่าจะไม่ขาดแคลน
"เอลญีโน่ภาคตะวันออกจะต่างจากภาคอื่นในประเทศ คือเหนือ อีสานแล้ง แต่น้ำต้นทุนตะวันออกค่อนข้างดี ยันปีนี้มีปริมาณน้ำเหลือ ขณะเดียวกันก็คุมปริมาณน้ำจัดเก็บจะไม่รอขาดค่อยเติม ตอนนี้พยายามเติมให้เต็ม"นายประพันธ์ กล่าว