นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ภาวะฝนตกหนักอย่างผิดปกติในประเทศอินโดนีเซียระยะนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการผลิตของเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียบ้าง แต่บริษัทก็ได้เตรียมตัวกับผู้รับเหมาไว้แล้ว
แต่ปัญหาใหญ่ที่บริษัทประสบอยู่คือด้านโลจิสติกส์ ที่ไม่สามารถขนส่งถ่านหินจากอินโดนีเซียได้ตามปกติ เพราะเรือที่รอขนถ่ายถ่านหินตามหน้าเหมืองต่างๆ หากไม่มีถ่านหินเต็มลำก็ไม่สามารถออกเรือได้ ซึ่งหลายเหมืองประสบปัญหาการผลิตในระยะนี้ ทำให้การขนถ่ายถ่านหินไปยังเรือใหญ่ไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้อาจไม่สามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ครบทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในเดือน มี.ค.53 ก็จะสามารถเริ่มทยอยส่งมอบได้ครบหมด และจะไม่กระทบกับแผนงานทั้งปี
"ปัญหาไม่ได้เกิดจากปัญหา production แต่เป็นปัญหาโลจิสติกส์มากกว่า ดูแล้วตอนนี้ต้องใช้เวลาแก้ไข แต่คิดว่าเดือนมีนาคมน่าจะ pick up ขึ้นมา และทยอยส่งมอบถ่านหินให้กับลูกค้าได้ทัน"นายสีหศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบัน LANNA มีเหมืองถ่านเหินในอินโดนีเซีย 2 แห่ง โดยเหมืองเดิมมีกำลังการผลิต 2 ล้านตัน และเหมืองใหม่ปีนี้มีกำลังการผลิต 1.5 ล้านตัน จาก 2 ล้านตัน รวมทั้งปี 53 จะมีกำลังการผลิต 3.5 ล้านตัน โดยบริษัทได้ทำการขายล่วงหน้าไปแล้ว 50-60% ของกำลังการผลิต
ด้านนายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผุ้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)กล่าวว่า เหตุการณ์ดินถล่มในอินโดนีเซียไม่กระทบต่อเหมืองถ่านหินของบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทมีสต็อกถ่านหินเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
"ไม่มีผลกระทบ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่มา แต่ก็ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" นายชัยวัฒน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วน บมจ.บ้านปู (BANPU) ระบุว่า ขณะนี้ บริษัทยังไม่ได้รับรายงานว่าเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนรองรับในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยการปรับปรุงระบบป้องกันและการจัดการต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมให้มีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับปัญหาปริมาณน้ำฝนมากๆ ได้ดีขึ้น