บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 99.7 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 200 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้ในการลงทุนครั้งนี้
ทั้งนี้ SST เป็นผู้เข้าร่วมทุนใหม่ภายใต้แผนปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด และธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญหลายประการ เช่น บริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และแผนฟื้นฟูกิจการได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลล้มละลายกลาง
"เราคิดว่า อุตสาหกรรมวัฒน์ จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ในปลายปีนี้ และเราจะเข้าไปเพิ่มทุนเข้าไป ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะเริ่มรับรู้รายได้ชองอุตสาหกรรมวัฒน์ในปีหน้า..เราเห็นว่า แบรนด์"ทิพ"ยังเป็นที่ยอมรับในตลาดดีอยู่" นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล กรรมการผุ้จัดการ กล่าว
นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า การเข้าซื้อครั้งนี้ เพราะเห็นว่า อุตสาหกรรมวิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแน้ำมันถั่วเหลือง "ทิพ"ซึ่งเห็นว่าเป็นแบรนด์ที่ดี น่าจะเข้าไปพัฒนาและจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้น ดังนั้นในระหว่างรอการเข้าสู่กระบวนการแผนฟื้นฟู บริษัทได้ว่าจ้างอุตสาหกรรมวิวัฒน์ผลิตน้ำมันพืช"ทิพ"ต่อไป เพื่อให้ยังมีสินค้าวางขายในตลาดต่อเนื่อง โดยปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 7%
พร้อมกันนั้น SST ยังได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร และฉลาก กับบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด เพื่อซื้อสิทธิในเครื่องหมายการค้า"น้ำมันพืชทิพ", "น้ำมันพืชทิพ WISE","น้ำมันพืชริน" และ "อาหารสัตว์วิวัฒน์" รวมทั้งสิ้น 11 เครื่องหมาย พร้อมทั้งสิทธิบัตรเกี่ยวกับแบบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 สิทธิบัตร โดยมีค่าตอบแทนการโอนสิทธิทั้งสิ้น จำนวน 55 ล้านบาท
บริษัทฯ ได้รับโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้ง 11 เครื่องหมาย และได้ชำระเงินค่าตอบแทนไปแล้วจำนวน 26,674,949.40 บาท สำหรับค่าตอบแทนส่วนที่เหลือจะชำระเป็นคราวๆ ไป โดยจะชำระให้ครบถ้วนภายใน 90 วันนับแต่วันที่บริษัทฯเข้าถือหุ้นในบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด
และ บริษัทฯ จะเข้าทำสัญญาว่าจ้างผลิตและจำหน่ายสินค้ากับบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัดเพื่อว่าจ้างให้ทำการผลิตสินค้าน้ำมันพืชและสินค้าอื่นภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับโอนมา รวมทั้ง มอบหมายให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าวด้วย โดย บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขของสัญญากับบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด
นอกจากนั้น SST ยังอยู่ในระหว่างการเตรียมการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ "ทรัพย์ศรีไทย" เพื่อโอนคลังสินค้าบางส่วนของบริษัทฯ ให้กองทุนรวมดังกล่าว โดยรายได้จากการจัดตั้งกองทุนรวมจะนำมาใช้เป็นเงินลงทุนในบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด
นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายนี้ บริษัทจะขอหลักการกับคณะกรรมการบริษัทเพื่อขอจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ดังกล่าว โดยจะนำพื้นที่ 10% ของคลังสินค้า ขายเข้าในกองทุน และนอกจากนี้มีแนวทางระดมทุนจากเงินกู้ หรือออกหุ้นกู้
"แนวโน้มการะดมทุนเรามองไว้ทุกแนวทาง ทั้งเงินกู้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือออกหุ้นกู้ โดยวันนี้จะเข้าขอมติจากกรรมการบริษัท ไว้เป็นหลักการก่อน เบื้องต้นเราคิดว่าจะใช้วงเงินเข้าลงทุนอุตสาหกรรมวิวัฒน์ 200 ล้านบาท ในการเข้าไปเพิ่มทุน" นายสัมฤทธิ์ กล่าว
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมวิวัฒน์ ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน และมีผลขาดทุนสะสมประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งมีผลขาดทุนตั้งแต่ปี 47 จนปัจจุบัน ขณะที่มีหนี้สิน 1.7 พันล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนเพียง 100 ล้านบาท ฉะนั้น มูลค่าทางบัญชีจึงติดลบ แต่มีที่ดินเปล่า 8 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เชิงสะพานนวลฉวี ซึ่งมองว่าเป็นทรัพย์สินที่ดี
กระบวนการแผนฟื้นฟูกิจการก็จะมีการลดหนี้ลดทุน ซึ่งเมื่อถึงสุดท้าย SST จะเข้าไปเพิ่มทุน และหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูฯแล้วบริษัทจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตในระยะแรก 50% ของกำลังการผลิตที่มีอยู่ 900 ตัน/วัน หรือ หากผลิตเต็มกำลังการผลิตจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท/ปี ซึ่งหากในอนาคตรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็คาดว่า SST อาจจะย้ายหมวดธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
"ถือว่าธุรกิจน้ำมันน้ำมันพืช เป็นธุรกิจปลอดภัย เพราะได้ทั้งสองขา คือใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และ อุตสาหกรรมพลังงาน" นายสัมฤทธิ์ กล่าว
นายปิลัญชัย ประดับพงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร SST กล่าวว่า กลุ่มผู้ถือหุ้น SST เป็นกลุ่มเดียวกับ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เมื่อ SST เข้าลงทุนน้ำมันพืช "ทิพ" เป็นการเกื้อหนุนธุรกิจกัน