นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยอมรับว่ารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 53 ประเมินยาก โดยในช่วง 2 เดือนแรกคาดว่ารายได้ลดลง 20% เทียบกับปีที่แล้วจากผลกระทบการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันได แต่บริษัทยังคาดหวังรายได้ทั้งปีใกล้เคียงปีก่อน ภายใต้เงื่อนไขว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันต้องอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท หากไม่แป็นเช่นนั้นก็จะทำให้รายได้ลดลง
"รายได้ปี 53 ปัจจัยหลักยังมาจากวอลุ่มการซื้อขาย มองว่าวอลุ่มต้อง 2.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน กับค่าคอมฯแบบปีนี้ถึงจะมีรายได้ใกล้ปี 52 ตอนนี้ยังประมาณการยาก แต่ 2 เดือนแรกก็ยังไม่สะท้อน ต้องดูต่อไป" นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กลาวว่า วอลุ่มการซื้อขายตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นก.พ.ที่ผ่านมาปรับลดลง ส่วนหนึ่งเพราะวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนของหลายประเทศ แต่หลังตรุษจีนก็มีเหตุการณ์เข้ามาที่ทำให้เกิดความกังวลแทรกเข้ามาส่งผลให้วอลุ่มอ่อนตัว แต่ 2-3 วันนี้ปรากฎว่าแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามา อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์การเมืองและเชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่บานปลาย
"2-3 วันนี้มานี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มซื้ออาจจะเป็นเพราะความกังวลการเมืองแผ่ว ไม่มีอะไรกังวล เมื่อไม่น่ากังวลมากนักก็กลัวว่าถ้าซื้อหลังเหตุการณ์อาจจะสายเกินไป ตอนนี้ถือว่าบรรยากาศใช้ได้ แข็งแรง เป็นสัญญาณบวกสะท้อนนักลงทุนในและต่างประเทศมองสถานการณ์ไม่น่ากังวลเหมือนอย่างที่เคยกลัว" นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี มองว่า ตลาดหุ้นมีความเป็นกลางกับการเมืองสูงมาก ไม่มีการเลือกข้าง เพราะตลาดมองเรื่องเดียวกันคือเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งขณะนี้มีโอกาสที่เหตุการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ จะคลี่คลายไม่น้อย เพราะมีกระแสรณรงค์อย่าไปยอมรับการแบ่งแยก ให้ติดตามข้อมูลด้วยใจเป็นธรรมรับข้อมูลครบด้าน
สำหรับกิจการ บลจ.ของ KEST นั้น นายมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมด้านบุคลากรแล้ว รวมทั้งระบบงาน คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ไม่เกินปลายไตรมาส 1/53 หรือต้นไตรมาส 2/53 รวมทั้งการออก DW น่าจะได้เห็นปลายไตรมาส 1/53 หรือต้นไตรมาส 2/53 เช่นกัน ส่วนรายได้จากสายงานวาณิชธนกิจปีนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีกระแสเงินสด 2 พันกว่าล้านบาท โดยใช้สำรองในการออก DW รวมทั้งมองแนวโน้มการควบรวมกิจการของโบรกเกอร์ปีนี้เป็นไปได้สูงเพื่อลดค่าใช้จ่ายของโบรกเกอร์