นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA)คาดว่า ยอดขายที่ดินในปี 53 ใกล้เคียงปี 51 ที่มียอดขาย 896 ไร่ ซึ่งหากเป็นไปตามที่ประเมินบริษัทก็น่าจะมีกำไร 1 พันล้านบาท เท่ากับปี 51 เช่นกัน โดยขณะนี้สัญญาณการกลับมาซื้อที่ดินเริ่มดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ทั้งนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและอมตะซิตี้ ทั้งลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีลูกค้า 4-5 รายที่อยู่ระหว่างเจรจาซื้อขายที่ดินรวม 500 ไร่ ชะลอการตัดสินใจออกไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ประกอบธุรกิจเครื่องมือหนักที่จะต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)จึงทำให้ขั้นตอนดังกล่าวมีความยุ่งยากและอาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนได้ จึงต้องรอดูความชัดเจนจากภาครัฐก่อน
"ที่มองยอดขาย 896 ไร่ในปีนี้ ถือเป็นระดับที่ผมพอใจแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันและความชัดเจนที่ยังไม่มีโดยเฉพาะกรณีมาบตาพุด ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจ และเรายังมีการเมืองอีก จึงเดาไม่ออกว่ายอดขายที่ดินจะออกมาอย่างไรจะมากหรือจะน้อย"นายวิบูลย์ กล่าว
นาบวิบูลย์ กล่าวอีกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นในปีก่อนส่งผลให้บริษัทได้มีการปรับตัวโดยการหันไปพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มรายได้จากค่าเช่าเพื่อทดแทนยอดขายที่ดินที่ลดลงไป ซึ่งรายได้จากค่าเช่ามีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงถึง 60% บริษัทได้มีการจัดโซนธุรกิจด้านการเงินที่อมตะนครสำหรับสถาบันการเงินต่างๆ ไปเช่าใช้ เพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่า คาดว่าเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/53 รวม 8 ยูนิต และจะบันทึกรายได้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 10 ล้านบาท/ปี
ด้านนางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ AMATA กล่าวว่า ยอดขายที่ดินจากอมตะเวียดนามในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และคาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการอมตะเวียดนามแห่งที่ 2 ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นรูปแบบเมืองพาณิชยกรรม อมตะ เอ็กซ์เพรส ซิตี้ บนพื้นที่ 1.5 พันแฮคแตร์ คาดใช้เงินลงทุนเริ่มต้นมากกว่า 1 พันล้านบาท และเริ่มขายพื้นที่ได้ในช่วงปลายปี 54
โครงการดังกล่าวจะเน้นเป็นโซนที่พักอาศัยและยานการค้า จากโครงการในเฟสแรกที่เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นทำเลใกล้กับสนามบิน จึงเหมาะกับการพัฒนาในลักษณะดังกล่าว อาจจะร่วมลงทุนกับพันธมิตร โดยทางอมตะเวียดนามลงทุนที่ดิน และพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนด้านอื่น แต่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงด้วย