นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ และรองกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจภาพยนตร์ บมจ.อาร์เอส(RS) เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าธุรกิจภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ประเดิมศักราชใหม่ด้วยการปั้นแบรนด์ของสายงานภาพยนตร์ในเครืออาร์เอส จากเดิมใช้ชื่อ“อาวอง"เปลี่ยนเป็น “ Film R Us"ภายใต้แนวคิด ความบันเทิงอย่างสร้างสรรค์ บนความทันสมัย พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ 200 ล้านบาท หรือโตขึ้นจากปีก่อน 25 %
จากนี้ไปค่าย Film R Us จะเน้นผลิตและสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพที่มีความหลากหลาย พร้อมร่วมงานกับกลุ่มผู้ผลิตรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการทำงานและเปิดโอกาสให้อย่างเต็มที่ อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือนโยบายการทำงานที่ตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ และมีความเสี่ยงที่น้อยที่สุด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ของบริษัทฯ เดินหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อนึ่ง ในปี 52 บริษัทฯมีภาพยนตร์ที่ออกฉายทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่ โหดหน้าเหี่ยว , ม. 3 ปี 4 เรารักนาย และล่าสุดกับภาพยนตร์รักสยองขวัญ เรื่องแฟนเก่า โดยยอดรวมรายได้ของภาพยนตร์ในปีที่ผ่านมานั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายคมสันต์ กล่าวว่า บริษัทจะส่งภาพยนตร์ 4 เรื่องลงโรงฉายในปี 53 ภายใต้งบประมาณการผลิตกว่า 140 ล้านบาท โดยเรื่องแรก“สามย่าน"เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้มีแผนจะลงโรงในเดือน พ.ค.นี้ ตามมาด้วยภาพยนตร์แนวเรียลลิตี้ ซึ่งเป็นหนังตลก มีแผนออกฉายในเดือน ก.ค. ของปีนี้ ยังมีหนังแนวสยองขวัญที่จะลงโรงในช่วง ต.ค. , และส่งท้ายปีเสือดุด้วยภาพยนตร์แนวกังฟูแอ็คชั่น คอมเมดี้ะ ส่งท้ายปี 53
สำหรับตลาดภาพยนตร์ไทยโดยรวมของปี 53 จะค่อนข้างคึกคัก และถือว่าขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศเติบโตกว่า 15% มีมูลค่าตลาดประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งการตลาดภาพยนตร์ไทยจากปีที่แล้ว 30% จะเพิ่มมาเป็น 40% ในปีนี้ โดยธุรกิจภาพยนตร์ไทยในปี 53 มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท
อีกทั้งตลาดภาพยนตร์ในบ้านเรามีแนวโน้มที่หลากหลายมากขึ้น บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก ภาวะการแข่งขันกันเองในธุรกิจภาพยนตร์ไทยจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ Film R Us จึงมุ่งนโยบายการแข่งขัน ด้วยการพิสูจน์ตัวเองจากผลงานที่มีคุณภาพเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นองค์กรผู้ผลิตภาพยนตร์แถวหน้าของเมืองไทย
“จากการปรับโครงสร้างและโมเดลธุรกิจภาพยนตร์ของ อาร์เอส ส่งผลให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการทำงานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการประกอบธุรกิจ จึงทำให้ค่าย Film R Us สามารถทำงานบนความมั่นใจและมั่นคงมากยิ่งขึ้น บวกกับภาพรวมของตลาดภาพยนตร์ไทยในปี 53 มีมูลค่ารวมสูงขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จึงส่งผลในเชิงบวกกับบริษัทฯเช่นกัน ผมเชื่อมั่นว่าสิ้นปี 53 ค่าย Film R Us ในเครือ อาร์เอส จะสามารถสร้างรายได้ให้ธุรกิจภาพยนตร์ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านอย่างแน่นอน" นายคมสันต์ กล่าวทิ้งท้าย