นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย(KTAM) เปิดเผยว่า ในปีนี้ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ไว้ที่ 258,000 ล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 20% จากปีก่อนที่ 223,000 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีที่จะทยอยครบอายุประมาณ 3 หมี่นล้านบาท กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองทุนที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะมีการทยอยออกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนในประเทศซึ่งประกอบด้วย กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งในปี 2552 ที่ผ่านมาบริษัทได้ขายกองทุนดังกล่าวได้ประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยในปีนี้ จะมีการออกกองทุน (LMF) และ กองทุน (RMF) ทั้งในภาวะที่ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะทั้ง ขาขึ้นและขาลง
พร้อมกันนี้ มีแผนออกกองทุน Money Market Fund ที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 2 กอง โดยมี NAV อยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ บลจ.ที่มีขนาดใหญ่อีกทั้งประเมินว่า กองทุน Money Market Fund ยังมีโอกาศที่จะขยายตัวอีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนจากระบบซื้อขายอินเตอร์เน็ต ที่จะช่วยให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซึ้อขายได้สะดวกและง่ายขึ้น
ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญ ทั้งในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มีการยื่นขออนุญาตต่อตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วซึ่งมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองทุน ได้แก่ ตึกเนชั่นที่จะมีการขายกองทุนดังกล่าวในเดือนนี้โดยมีลักษณะ Free Hold ซึ่งให้ผลตอบแทน 4-5% และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ถัดมา ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดไท ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ระดับ 12%
ในส่วนความคืบหน้าของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยขณะนี้ทุก บลจ.อยู่ระหว่างรอการประกาศเกณฑ์ที่ชัดเจนจากสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างไรก็ดีบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังในการออกกองทุนดังกล่าวซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงาน คือ การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การปะปานครหลวงแห่งประเทศไทย และ บมจ. ปตท. สผ. (PTTEP) พร้อมทั้งบริษัทตั้งเป้าจะขึ้นเป็นอันดับ 3 โดยมาจากปัจจัยสนับสนุนหลัก คือ การออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน