ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และจากข่าวที่ว่ารัฐบาลในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่กรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ของอังกฤษที่ขยายตัว 0.3%
ดัชนี FTSE 100 ดีดขึ้น 51.42 จุด ปิดที่ 5,405.94 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,354.52-5,420.83 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ เป็นขยายตัว 0.3% ซึ่งดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งขึ้นในภาคบริการและการผลิต ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลุดพ้นจากภาวะถดถอยอย่างแน่นอนแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่าชาติสมาชิกอียูเตรียมประกาศแผนการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่กรีซ หลังจากที่กรีซประสบปัญหาอย่างหนักจากหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มอียู ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านการเงินของประเทศอื่นๆในยุโรปด้วย
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างหนาแน่นหลังจากราคาทองแดงในตลาดโลกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นคาซัคมิส ปิดบวก 2.2% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดพุ่ง 3.6% หุ้นแองโกล อเมริกันพุ่งขึ้น 2.5% หลังแองโกล อเมริกัน ออกแถลงการณ์ว่าบริษัทได้เริ่มเปิดดำเนินการเหมืองแร่ทองแดง 4 แห่งในชิลีอีกครั้ง หลังจากเหตุแผ่นดินไหวส่งผลให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับในเหมืองแร่ที่ผลิตแร่ทองแดงกว่าครึ่งหนึ่งของแองโกล อเมริกัน
ส่วนหุ้นริโอทินโตปิดบวก 1.9% หุ้นลอนมินปิดพุ่ง 2.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดพุ่ง 4.2% และหุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ทะยานขึ้น 5.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดบวก 0.7% หุ้นบีพีปิดบวก 1.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 2.2% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดพุ่ง 3% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดบวก 3.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นพรูเดนเชียลร่วงลงอย่างหนัก 12% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) ทำข้อตกลงขายกิจการบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล แอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในเอเชียให้กับบริษัท พรูเดนเชียลของอังกฤษ