(เพิ่มเติม) หุ้น ADVANC-THCOM-SHIN ร่วงรับผลกระทบคดียึดทรัพย์-CITI ลดคำแนะนำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 2, 2010 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เมื่อเวลา 10.09 น.

หุ้น ADVANC อยู่ที่ 85 บาท ลดลง 2.75 บาท(-3.12%)มูลค่าซื้อขาย 592.75 ล้านบาท

หุ้น THCOM อยู่ที่ 5.50 บาท ลดลง 0.55 บาท(-9.09%) มูลค่าซื้อขาย 30.12 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.14 น.

หุ้น SHIN อยู่ที่ 27.50 บาท ลดลง 1.50 บาท(-5.17%)มูลค่าซื้อขาย 31.15 ล้านบาท

Fund Survey บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ความไม่ชัดเจนในเรื่องผลจากคำพิพากษาคดียึดทรัพย์จะส่งผลกระทบต่อหุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) และ บมจ.ไทยคม(THCOM)และผลกระทบต่อ TRUE, DTAC จากกรณีภาษีสรรพสามิตจะกระตุ้นแรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารในเช้านี้

พร้อมระบุว่า ทาง Citigroup หรือ CITI ได้ปรับลดราคาเป้าหมายหุ้น ADVANC หรือ AIS จากเดิม 100 เหลือ 87 บาท/หุ้น พร้อมปรับคำแนะนำจาก"ซื้อ"เป็น "Neutral" คาดว่า 3 กรณีจะส่งผลต่อมูลค่าหุ้น 23 บาท

โดย 1.ลดค่า Prepaid กระทบมูลค่า 13 บาท/หุ้น 2.เปลี่ยนวิธีเป็นเก็บภาษีสรรพสามิตรกระทบมูลค่า 8.4 บาท/หุ้น 3. เก็บค่า Roaming กับ DPC กระทบมูลค่า 1.6 บาท/หุ้น ทั้งนี้ กรณีแรกชัดเจนสุด กระทบมากสุด

นอกจากนี้ ยังคาดว่า หาก THCOM ถูกปรับเนื่องจากความผิด 2 กรณีจริง คือ จะส่งผลต่อราคาหุ้น THCOM ประมาณ 14.7 บาท

สำหรับความเห็นของ บล.โกลเบล็ก ต่อ กรณี AIS, SHIN, THCOM แยกเป็น 2 กรณี 1) หากตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณผิด และยึดทรัพย์ไปแล้ว ขณะที่จะตามทรัพย์สินอื่นๆที่อยู่ในต่างประเทศมาชดใช้ค่าเสียหายที่กระทำต่อรัฐ เพราะฉะนั้นความผิดย่อมตกแก่ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว บริษัทไม่ควรจะได้รับผลกระทบ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้อนุมัติทั้งหมดตามคำตัดสินของศาล หากใช้กรณีนี้เป็นเกณฑ์การอ่อนตัวของ AIS, SHIN, THCOM เป็นจังหวะดีในการซื้อ แ

ต่หากใช้กรณีที่ 2) บนหลักการสมรู้ร่วมคิด แม้ SHIN, AIS จะปฏิเสธการรับรู้การมีส่วนได้เสียในการออกนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทว่าความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณรับตำแหน่ง และคำตัดสินเรื่องการถือหุ้นแบบอำพรางเจ้าของที่แท้จริง น่าจะทำให้ SHIN, AIS, THCOM ไม่อาจเลี่ยงความผิดได้ เพราะทั้ง 3 บริษัทเสมือนเป็นสินทรัพย์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่ในการเพิ่มมูลค่ากิจการให้ ซึ่งบนสมมุติฐานกรณีนี้ จะส่งผลให้ Downside Risks ของหุ้นยังมีอยู่อีกมาก

แต่เราเชื่อว่าความเป็นไปได้น่าจะตกแก่สมมุติฐานที่ 1 มากกว่า เพราะฉะนั้นกรณีปรับตัวลงมาแรงกว่า 10-15% ให้"ทยอยซื้อ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ