นายอดิศร ธนนันท์นราพล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ตั้งเป้ารายได้ปี 53 เติบโต 15% จากปีก่อน ภายใต้เป้าหมายยอดโอนโครงการ 19,610 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยยบริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ รวมมูลค่า 30,495 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการเปิดโครงการปีนี้จะเน้นในครึ่งปีหลังมากกว่า เพราะในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังมีความกังวลในเรื่องปัญหาการเมืองที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการของลูกค้า
บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นราคาขายโครงการที่มีอยู่หลังจากที่มาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะสิ้นสุดลงในปลายเดือนมี.ค.นี้ เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้ทรงตัวจากปีก่อน หรือบวก/ลบไม่เกิน 1% จาก 31.3%ในปีก่อน ซึ่งคาดว่าในปีนี้กำไรของบริษัทจะเติบโตไม่ถึง 10% ภายใต้คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 7% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายเหมือนเดิม
"เราคงมีการปรับราคาขายบ้าน หลังจากหมดภาษีฯในเดือนมีนาคมนี้ แต่ถ้าจะปรับ 7% ผมว่ามันสูงเกินไป เพราะผู้ประกอบการรายอื่นก็ปรับราคาเหมือนกัน ส่วนอัตรากำไรสุทธิในปีนี้เราคงโตได้แค่ตัวเลขเดียว จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2 หลัก เพราะเราต้องมีภาระในเรื่องภาษีการค้าและภาษีค่าธรรมเนียมการโอน"นายอดิศร กล่าว
บริษัทได้เตรียมงบลงทุนซื้อที่ดิน 5-6 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีการใช้งบซื้อที่ดินไปประมาณ 4 พันล้านบาท และยังได้เตรียมวงเงินอีก 1.5 พันล้านบาท เพื่อในการลงทุนในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย 1.1 พันล้านบาท และ เพิ่มทุนใน บริษัท แอลแอนด์เอช พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 60% ใช้ในการพัฒนาโครงการเทอร์มิเนล 21 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปลายปี 54
นายอดิศร กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างรายได้ด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงกาปรระเภททาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมเป็น 40% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า จากในปี 52 อยู่ที่ระดับ 26%
เนื่องจากจะมีการทยอยการรับรู้จากคอนโดมิเนียมที่ได้เปิดในช่วงปีก่อน 4 โครงการ โดยโครงการรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่า 3 พันล้านบาทจะเหลือการโอนในปีนี้ 10% หรือประมาณ 300 ล้านบาท และยังมีโครงการเดอะรูม สุขุมวิท 62 ที่จะโอนในไตรมาส 4/52 และในปีหน้าด้วย มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท ส่วนอีก 2 โครงการทยอยรับรู้ในปี 53-54 จะส่งให้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นไป
*ออกหุ้นกู้ 3 พันลบ.ใน Q1/53
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 3 พันล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยหุ้นกู้ชุดแรกวงเงิน 2 พันล้านบาท อายุ 3 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ย 3% และหุ้นกู้วงเงิน 1 พันล้านบาท อายุ 3.6 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.4% โดยเงินที่ระดมทุนจะได้รับในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งจะใช้ไปขยายธุรกิจ
นอกจากนี้บริษัทจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน วงเงิน 2 พันล้านบาท ในเดือนก.ค.53 นายอดิศร กล่าวว่า จะพิจารณาว่าบริษัทเลือกแนวทางกุ้เงินจากสถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้มาใช้ในการไถ่ถอน ซึ่งขึ้นกับอัตราดอกเบี้ย
นายอดิศร กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทคงจะยังไม่มีแผนเพิ่มพอร์ตลงทุน เพราะต้องการให้ความสำคัญกับการลงทุนธนาคารแลนด์แอนด์เพื่อรายย่อย โดยพอร์ตลงทุนของบริษัท แบ่งสัดส่วน 30% ที่ลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จากพอร์ตทั้งหมด มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท