นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ไมโครอิเล็กทรอนิคส์ (ประเทศไทย) (SMT) คาดว่า ในปี 53 รายได้ของบริษัทจะเติบโต 30% เป็นการเติบโตจากฐานปีก่อนที่สูง จึงถือเป็นการคาดการณ์ที่มีการเติบโตมาก และกำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องเป็น 40% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเติบโต 33%
อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 20% เนื่องจากบริษัทเน้นสินค้ากลุ่ม IC ซึ่งเจาะตลาดเฉพาะ มีมาร์จิ้นสูง ส่วนอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% และอาจสูงถึง 4% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.4% หากผลประกอบการตลอดทั้งปีเป็นบวก จากการคาดการณ์ความต้องการสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ที่ฟื้นตัวมากเป็นหลัก ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์รายใหญ่
สำหรับรายได้ที่สูงขึ้นมาจากฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนที่เติบโตสุดขีด และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้นมา โดยขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญากับแบรนด์สมาร์ทโฟนแคนาดา ซึ่งเป็นลูกค้าหลักจะมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ารายใหม่ เป็นแบรนด์โทรศัพท์จากญี่ปุ่นและยุโรป ที่เซ็นสัญญาระยะยาวเพื่อผลิตโทรศัพท์แบบทัชโฟน
ส่วนสมาร์ทโฟน สินค้าล็อตแรกจะส่งมอบและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 1/53 ดังนั้น ยอดขายไตรมาส 1/53 คาดว่าจะดีกว่า ไตรมาส 4/52
"ตลาดสมาร์ทโฟน ผู้ประกอบการคาดว่าจะมีการแข่งขันรุนแรง โดยทั้งตลาดปีนี้คาดว่าจะมียอดขายต่อเนื่อง และปี 54 คาดว่าจะมียอดทั้งตลาด จำนวน 200 ล้านเครื่อง แต่บริษัทมองว่าน่าจะสูงกว่านี้" นายพลศักดิ์ กล่าว
สำหรับสินค้าของบริษัทในกลุ่ม IC ได้เพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในกลุ่มเซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยาง ซึ่งมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 60% เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายใหม่ของสหรัฐ ขณะที่สินค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์จะเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 60% ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าหลัก
"ปี 53 ที่รายได้โต เพราะมองว่าตลาดโลกมีความต้องการด้านสินค้าเซมิคอนดักเคอร์ อิเล็กทรอนิคส์ มากขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ที่บูมสุดขีด ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิคส์ขยายตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะกล้องต่างๆ และสินค้าคอมพิวเตอร์ที่มีความต้องการในตลาดสูงขึ้น" นายพลศักดิ์ กล่าว