นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นมาเป็นบวก ส่วนหนึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ประกอบกับ นักลงทุนได้ประเมินสถานการณ์ภายหลังศาลมีคำตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วว่าไม่มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง โดยส่วนหนึ่งมองผลคดีในเชิงบวก
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นวันนี้ ถือว่าเป็นไปตามปกติแล้ว โดยช่วงครึ่งวันแรก พบว่ามีปริมาณการซื้อขาย 1.3 หมื่นล้านบาท และดัชนีเพิ่มขึ้น 6 จุด คิดเป็น 0.9% ถือเป็นสัญญาณบวก ส่วนหนึ่งมาจากภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นเมื่อวานนี้เฉลี่ย 1-2% และวันนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคได้ปรับขึ้น 0.5-1% จึงเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน
"ในช่วงวันหยุด 3 วันที่ผ่านมา นักลงทุนได้ประเมินสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด และตัดสินใจบนข้อมูลที่เพียงพอตามสมควร จึงไม่ได้รู้สึกกังวล"นางภัทรียา กล่าว
สำหรับผลกระทบจากคำตัดสินคดีมีเฉพาะหุ้นกลุ่มสื่อสาร ที่มีความกังวลการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งอาจจะนำคำวินิจฉัยของศาลในส่วนประเด็นความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีที่มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และแก้ไขสัญญาเพื่อเอื้อต่อบริษัทในกลุ่มบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN)ทั้งบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)และบมจ.ไทยคม(THCOM) แต่ประเด็นดังกล่าวก็ยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้น นักลงทุนควรจะติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนการดำเนินการตรวจสอบความเสียหายของภาครัฐตามคำตัดสินของศาลฯ ในส่วนของ ตลท. ขณะนี้ไม่มีการประเมินและตรวจสอบความเสียหาย เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ ตลท. ทำหน้าที่เพียงแค่ติดตามสถานการณ์ระหว่างวัน ซึ่งจากคำพิพากษาที่ออกมามองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายแล้ว แต่หลังจากนี้นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์เอง
นางภัทรียา กล่าวว่า ในสัปดาห์ก่อนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากคาดการณ์ว่าหลังจากการตัดสินคดีจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่ในสัปดาห์นี้มองว่าการลงทุนของต่างชาติน่าจะขึ้นกับปัจจัยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้มองว่า การลงทุนในตลาดหุ้น ยังต้องมีปัจจัยอื่นที่ต้องติดตาม ทั้งภาวะการลงทุนในตลาดต่างประเทศ สถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาค ที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจลงทุน
นางภัทรียา ยังกล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า ตลท.ได้มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และภาครัฐพยายามดูแลทุกหน่วยงาน ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ว่าการชุมุนม จะมีความรุนแรงหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล เพราะตลาดหุ้นคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้แล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป