โบรกฯแนะ"ซื้อ"SAT คาดปี 53 กำไรสุทธิโตถึง 60-90%,ปี 54-55 โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 2, 2010 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.สมบูรณ์ แอ็ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) คาดปี 53 กำไรสุทธิจะมีอัตราเติบโตสูงถึง 60-90% มาที่ 500-527 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายเติบโตราว 20-30% เป็นผลจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าปีนี้มียอดผลิตรถยนต์ภายในประเทศจะเติบโต 20-40% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ที่โชว์ผลงานได้ดีเยี่ยมเป็นสถิติสูงสุด

ประกอบกับออเดอร์จากลูกค้าคูโบต้าเพิ่มขึ้นเป็น 650 ล้านบาทในปีนี้ จาก 250 ล้านบาทในปี 52 ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มมากกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ และทำให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูง รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ไปในลูกค้านอกกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์

นอกจากนั้น ยังคาดว่าในปี 54-55 กำไรสุทธิและยอดขายจะขยายตัวต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มีออเดอร์เข้ามาสูง

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ธนชาต           ซื้อ          18.50
          บล.เคจีไอ           ซื้อ          16.60
          บล.ทรีนิตี้            ซื้อ          16.50
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ          15.80
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อ          15.00

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า SAT มีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/52 ทำนิวไฮ มาที่ 191 ล้านบาท มากกว่าที่คาดไว้ และปี 53 กำไรสุทธิคาดว่าเติบโตมากกว่าปี 52 โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 500 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 59%

ยอดขายของ SAT ในปีนี้เติบโตสูงตามทิศทางของภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 20% หรือคาดว่าตลาดรวมรถยนต์ในประเทศจะมียอดขายประมาณเดือนละ 1 แสนคัน และยังมีคำสั่งซื้อของคูโบต้าเข้ามา 650 ล้านบาท จากปีที่แล้วมีแค่ 250 ล้านบาท

"อุตสสาหรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัว และยอดขายคูโบค้าก็ช่วยก็เป็นออเดอร์ที่เข้ามาเสริมทำให้บริษัทโตได้มากกว่าอุตสาหกรรม ราคาหุ้นตอนนี้ยังซื้อได้ เราให้ราคาเหมาะสมที่ 15.00 บาท P/E ก็ยังต่ำอยู่ และมีแนวโน้มราคาหุ้นจะมากกว่าคาด เพราะเราให้ P/E 9 เท่า เป็นการประมาณการแบบ conservative" นายสุรชัย กล่าว

ส่วนยอดขายของ SAT ยังมีแนวโน้มจะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในระยะ 5-7 ปีข้างหน้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากงานคำสั่งซื้อใหม่ในมือที่สูงถึง 4,010 ล้านบาททยอยส่งมอบในช่วง 5-7 ปี และมีแนวโน้มจะได้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีก 3,151 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะจากคูโบต้าที่ในปี 54 จะเพิ่มเป็น 1,250 ล้านบาท และปี 55 เท่ากับ 1,400 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ จากบล.กรุงศรีอยธยา คาดว่า ในปี 53 SAT จะมีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 40% หรือยอดผลิต 1.4 ล้านคัน ขณะที่ บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโต 20% หรือมียอดผลิต 1.2 ล้านคัน รวมทั้งผลจากที่บริษัทมีออเดอร์จากคูโบต้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในปี 53 เติบโต 20% และกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโต 90% เป็น 527 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท

"ตอนนี้ก็ยังแนะนำ ซื้อ target อยูที่ 15.80 บาท ..ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง จากสัญญาณฟื้นจากไตรมาสที่ 4/52 และปี 53 ก็ยังเติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์ และลูกค้าคูโบต้า"นักวิเคราะห์ กล่าว

บทวิเคราะห์ของ บล.เคจีไอ คาดว่า ยอดขายของ SAT ในปี 53 อยู่ที่ราว 5.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% จากปี 52 นอกจากปัจจัยบวกจากการผลิตยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นแล้ว SAT ควรได้ประโยชน์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากคูโบต้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

ทั้งนี้ ยอดขายจากคูโบต้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากประโยชน์ที่มีต่อยอดขายรวมแล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ไปยังกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายของกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์ต่อยอดขายรวมที่ 17.0-20.0% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

"SAT เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากบริษัทฯ มีอัตราการขยายตัวของกำไรที่โดดเด่นถึง 91.8% ในปี 53 "บทวิเคราะห์ ระบุ

ส่วน บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SAT ยังคงมีคำสั่งซื้อแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกปี 53 โดยเชื่อว่าการเรียกคืนรถยนต์ของโตโยต้าไม่น่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ SAT อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก 1) ชิ้นส่วนยานยนต์ของของ SAT ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนสำหรับรถปิกอัพ ซึ่งความต้องการในปีนี้มีแนวโน้มที่ค่อนข้างสดใส ผลักดันโดยรายได้จากฟาร์มที่เพิ่มขึ้น และ 2) ชิ้นส่วนยานยนต์อื่นที่ใช้สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของโตโยต้าไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อรถยนต์ที่ถูกเรียกคืน

นอกจากนั้น ยังคาดว่ากำไรของ SAT จะเติบโต 45% ต่อปีในช่วง 2 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ