กบง.จ่ายชดเชย PTT-PTTAR แลกผลิต-ขายก๊าซ LPG เพิ่ม เพื่อลดการนำเข้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 2, 2010 18:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ บมจ.ปตท. (PTT) เดินเครื่องโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงที่ 4 ที่ อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เต็มกำลังการผลิต ซึ่งจะทำให้มีก๊าซหุงต้ม หรือ LPG เพิ่มในระบบเดือนละ 17,000-20,000 ตัน

แนวทางดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน หลังจากที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 6 ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ตามกำหนด จากเดิมที่ ปตท.มีแนวคิดจะหยุดเดินเครื่องโรงแยกก๊าซฯ ขนอมหน่วยที่ 4 เพราะประสบขาดทุน

ดังนั้น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับ ปตท. เดือนละ 50-60 ล้านบาท ซึ่งการชดเชยจำนวนดังกล่าวถือว่าถูกกว่าการนำเข้า LPG จากต่างประเทศในจำนวนเท่ากันที่กองทุนน้ำมันฯ จะต้องจ่ายเงินส่วนต่างการนำเข้า LPG ถึงเดือนละประมาณ 200 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังให้โรงกลั่นน้ำมันของ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)นำ LPG ที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงกลั่นออกมาจำหน่ายในระบบแล้วใช้น้ำมันเตาทดแทน โดยจะนำออกมาจำหน่ายเฉพาะเดือนมีนาคมเท่านั้น ในปริมาณ 4,000 ตัน โดยกองทุนน้ำมันฯ จะจ่ายชดเชย 38 ล้านบาทให้กับโรงกลั่น ซึ่งจะถูกกว่าการชดเชยการนำเข้า LPG จากต่างประเทศ

รมว.พลังงาน กล่าวว่า กบง.ยังเห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ชดเชยราคา NGV 2 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อตรึงราคาเอ็นจีวีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท ไปจนถึงเดือนส.ค.นี้ โดยปัจจุบัน ปตท.ขาดทุนสะสม ตั้งแต่ปี 47 จำนวน 18,000 ล้านบาท และปัจจุบันนี้ต้นทุนที่แท้จริงอยู่ที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งหากไม่ได้รับการปรับราคาหรือได้รับเงินช่วยเหลือจากประชาชนภายในปี 57 จะขาดทุนสะสมรวม ประมาณ 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน จะส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้คำนิยามของการใช้ก๊าซ NGV ให้เป็นการใช้น้ำมันเชื้อชนิดหนึ่ง เพื่อทำให้สามารถนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจ่ายชดเชยให้กับ NGV ได้ จากปัจจุบันที่ไม่สามารถใช้เงินจากกองทุนน้ำเชื้อเพลิงได้

นอกจากนี้ จากอากาศที่ร้อนจัดประกอบกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสร้างสถิติสูงสุด เมื่อเวลาประมาณ14 น.ของวันนี้ อยู่ที่ 22,212.9 เมกกะวัตต์ สูงกว่าระดับสูงสุดปีที่แล้ว 168 เมกกะวัตต์ หรือร้อยละ 0.76 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)คาดว่ ระดับสูงสุดในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 23,000 เมกกะวัตต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ