นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่งเน็ตเวิร์ค(CEN) คาดว่า รายได้ปี 53 จะอยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 52 โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง คือ บมจ.เอื้อวิทยา(UWC), บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) และบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด (ENS)
CEN ระบุว่า บริษัทย่อยทั้ง 3 มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี และมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ อีกทั้งได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ตลอดจนการกระตุ้นของภาครัฐอีกด้วย ล้วนแต่เป็นประเด็นที่สนับสนุนให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ประกอบกับ สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริหารจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบ
"สถานการณ์ทางธุรกิจของ CEN และบริษัทย่อยทั้ง 3แห่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดตั้งแต่ปลายปีก่อน จากหลายปัจจัยที่สนับสนุน ประกอบสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท "นายวุฒิชัย กล่าว
สำหรับ UWC ซึ่งเป็นผู้ผลิตโครงเหล็กเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมมีแผนเพิ่มเครื่องจักรใหม่ในปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20-40 ล้านบาทเพื่อขยายงานด้าน Steel General Fabrication ในตลาดใหม่เพิ่มเติม เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ดังนั้น จึงเชื่อว่า UWC จะยังมีกำไรต่อเนื่องในปีนี้
ส่วน RWI ผู้ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยวและเส้นตีเกลียว และลวดเชื่อม CO2 คาดว่าปีนี้สามารถมียอดขายที่เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ลวดแรงดึงสูงมากขึ้นจากงานด้านก่อสร้างโตขึ้นจากงบไทยเข้มแข็ง และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าผลประกอบการปี 53 ของ RWI จะเติบโตกว่าปี 52 และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ENS ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า & พลังงานความร้อนและพลังงานทดแทน ในปี 53 เครื่องจักรได้เดินเครื่องปกติแล้วและมีโอกาสที่จะได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ราย อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ เช่น โซลาร์เซลล์และกังหันลม โดยจะขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ดังนั้น คาดว่าจะทำให้รายได้ของ ENS มีมากขึ้น
CEN แจ้งผลประกอบการปี 52 มีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.18 บาท สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการพลิกมีกำไรสุทธิสำเร็จ เนื่องมาจากทางบริษัทแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูงผลพวงมาจากปลายปี 51 และส่งผลถึงไตรมาส 1-2/52 จึงทำให้มีผลกำไรของไตรมาส 3/52 อยู่ที่ 36 ล้านบาท และไตรมาส 4/52 เพิ่มขึ้นเป็น 145 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากหนี้สงสัยจะสูญรับคืนจากการให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บริษัทอื่น