บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล(CENTEL) คาดว่า รายได้รวมในปี 53 เติบโต 11-12% มาที่ 9.4-9.6 พันล้านบาท จากปีก่อนทำรายได้ 8.4 พันล้านบาท โดยตั้งงบลงทุนราว 2.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรม 2 พันล้านบาท และ ธุรกิจอาหาร 500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายงานรับบริหารโรงแรม
นายรณชิต กล่าวว่า รายได้หลักในปีนี้จะมาจากธุรกิจโรงแรม 4.6 พันล้านบาท สูงขึ้นจาก 3.8 พันล้านบาทในปี 52 ส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท สูงขึ้นจาก 4.5 พันล้านบาท
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจโรงแรมเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเห็นได้ตั้งแต่ต้นปี โดยคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/53 โดยเฉพาะเดือน ม.ค.-ก.พ.53 รายได้เติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราการเข้าพักปรับตัวสูงขึ้นในเดือน ม.ค.เป็น 70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราเข้าพัก 60% และเชื่อว่าทั้งปีอัตราเข้าพักจะสูงกว่า 70%
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการรับบริหารโรงแรมเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยปัจจุบันรับงานเข้าบริหารโรงแรม 7 แห่ง ซึ่งจะทำรายได้เข้ามาประมาณ 18 ล้านบาท และปี 54 จะเพิ่มเป็น 20 ล้านบาท และประเมินว่าการเข้าไปบริหารโรงแรมต่าง ๆ ใน 5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนสูงถึง 56% กลับกันจากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่บริษัทลงทุนเอง
ขณะที่การลงทุนในโรงแรมของตัวเองในปีนี้จะมีโรงแรมเปิดใหม่ 1 แห่งในเดือน ต.ค.53 คือ เซนทารา แกรนด์ บีช ภูเก็ต ขณะที่โรงแรมมิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ที่เปิดบริการในปี 52 จะทำรายได้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 750-760 ล้านบาท จากปีก่อนทำรายได้ 171 ล้านบาท ส่วนโรงแรมเซนทารา แกรนด์ จะมีการขยายตัวของรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
นายรณชิต กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจอาหารปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดแบรนด์ร้านอาหารจากต่างประเทศใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ไอศกรีม 1 แบรนด์ และแบรนด์อาหารญี่ปุ่น 2 แบรนด์ และบริษัทยังอยู่ระหว่างการมองแบรนด์อาหารในประเทศไทยที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์อีก 1 แห่ง
นายรณชิต กล่าวถึงแผนขยายกองทุน CTARAF ว่า บริษัทจะพิจารณาจังหวะและภาวะตลาดที่เหมาะสม โดยเฉพาะอัตราการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมามีการชะลอไปบ้างจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ผู้ที่จะเข้ามาซื้อกองทุนจะได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า
"ตอนนี้เท่าที่เราดูสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น แต่เราก็ยังไม่นิ่งนอนใจในปัญหาการเมืองในเดือนนี้ว่าจะส่งผลกระทบ แต่เท่าที่ดูยังไม่เห็นการยกเลิกการเข้าพักโรงแรม เพียงแต่พฤติกรรมในการจองเป็นระยะสั้น ไม่ได้ยาวเหมือนแต่ก่อน"นายรณชิต กล่าว
บริษัทยังแผนที่จะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลงให้เหลือไม่เกิน 1 เท่าภายในปี 58 เนื่องจากการที่บริษัททยอยลงทุนในช่วงที่ผ่านมา 2-3 ปี ทำให้ D/E เพิ่มสูงขึ้นมาเป็น 1.37 เท่า และจะทยอยปรับลดลง โดยจะกู้น้อยลง ขณะที่โรงแรมที่ลงทุนไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมาก็จะเข้าสู่ช่วงการสร้างผลตอบแทนเข้ามา