ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวค่อนข้างช้าและในบางภูมิภาคขยายตัวเพียงปานกลางเท่านั้น ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้แรงหนุนจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาดในเดือนก.พ.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 9.22 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 10,396.76 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.48 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 1,118.79 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 0.11 จุด ปิดที่ 2,280.68 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.79 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 4
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในช่วงเช้า หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.ขยายตัวแตะระดับ 53.0 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 50.5 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 51.0 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลงเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งน้อยกว่าเดือนม.ค.ที่ร่วงลง 60,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงในช่วงบ่ายและปิดแดนลบในที่สุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเฟดเปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวค่อนข้างช้าและในบางภูมิภาคขยายตัวเพียงปานกลางเท่านั้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.จะลดลง 20,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ระดับ 9.7%