นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS)เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมอย่างมากที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติมออกไป เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งมาก โดยมีฐานเงินที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 2,600 ล้านบาท เพียงพอรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตและผลักดันให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้
สำหรับปี 53 บริษัทยังคงตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) ที่ประมาณ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับประมาณ 6% และยังติดอันดับ Top 3 ต่อไป
ส่วนผลประกอบการปี 52 พลิกมีกำไรสุทธิ 19.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.19% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 51 ที่ขาดทุนสุทธิ 317.79 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่สามารถพลิกผลประกอบการเป็นบวกได้สำเร็จและทำให้ ณ วันที่ 31 ธ.ค.52 บริษัทมีกำไรสะสม จำนวน 192.26 ล้านบาท นอกจากนั้น ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 2.3% ในปี 51 เป็นประมาณ 6.0% ในปี 52 โดยติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุด
กำไรสุทธิในปี 52 เป็นผลมาจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น 340.79 ล้านบาท หรือ 61.21% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 556.73 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 756.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.36 ล้านบาท หรือ 83.17% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 412.82 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากการขยายทีมงานการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับปี 52 จำนวน 877.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 3.33 ล้านบาท หรือ 0.38% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 874.52 ล้านบาท