นายสมประสงค์ สหวัฒน์ กรรมการ บริษัท วนชัย กรุ๊ป(VNG) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มยอดขายในปี 53 จะเติบโตขึ้นจากปี 52 อย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญบริษัทคาดหวังทำกำไรแตะระดับ 1 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทเติบโตตามไปด้วย ประกอบกับ มีการรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ทั้งปีในปีนี้ แต่ยอมรับว่ายังมีปัจจัยเงินบาทแข็งค่าเป็นเรื่องที่สร้างความกังวล
"รายได้ยอดขายเติบโตขึ้นจากปีก่อนแน่นอน แต่ที่สนใจคือกำไร เพราะต้องการเห็นตัวเลข 4 หลัก หรือเห็นกำไรหลักพันล้าน ซึ่งบริษัทเคยทำได้ดี และเราน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ราคาขยับเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลงได้จากการที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น แต่กังวลเรื่องค่าเงิน ถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าแบบตอนนี้ก็ไม่ไหว เพราะบริษัทส่งออก 70% ขายในประเทศ 30%"นายสมประสงค์ กล่าว
อนึ่ง VNG และบริษัทย่อย รายงานผลประกอบการปี 52 มีรายได้จากการขายรวม 7,411.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 123.1 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 51 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 7,274.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 400.1 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ลดลง
นายสมประสงค์ กล่าวว่า บริษัทได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการโรงงานแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง(MDF)ที่ จ.สระบุรี ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม 1 แสนตัน ซึ่งในปี 52 จะรับรู้รายได้เต็มปีหลังจากที่เริ่มรับรู้ฯ ในช่วงปลายปี 51 โดยปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิต MDF ที่ 7 แสนตัน และกำลังการผลิต Particle Board ที่ 9 แสนตัน
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาขยายกำลังกำลังการผลิต คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และต้องใช้เวลาก่อสร้างอย่างน้อย 1 ปี หากแผนการขยายกำลังการผลิตชัดเจนและเริ่มก่อสร้างภายในปี 53 บริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้ฯ ในปี 54 ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการและการขยายตัวของตลาด MDF และ Particle Board ต่างมีอัตราการเติบโตทั้งคู่ ดังนั้น ต้องให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งสรุปงบลงทุนและการขยายกำลังการผลิตอีกครั้ง แต่เบื้องต้นจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตโดยใช้โรงงานใหม่ในจังหวัดสระบุรีในการขยายกำลังการผลิต
"เรามีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในพื้นที่โรงงานสระบุรีที่เทคโอเวอร์มา เพระมีพื้นที่เพียงพอ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะขยายการผลิตสินค้าตัวไหน เพราะต่างเติบโตดีทั้งคู่ และงบลงทุนยังไม่มีการสรุป ต้องรอเสนอบอร์ดก่อนจึงจะแจ้งชัดเจนได้"นายสมประสงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จนกระทั่งเข้าข่าย Cash Balance หลังมีมูลค่าการซื้อขายสูงนั้น บริษัทคาดว่านักลงทุนตอบรับการจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 52 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท และผลประกอบการไตรมาส 4/52 ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการในปี 53 ยังหวังว่าจะดีต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ยังแนะ"ซื้อ"หุ้น VNG ให้ราคาตามพื้นฐานที่ 4.00 บาท โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 53-54 ขึ้น 29% และ 24% เป็น 524 ล้านบาท(+326%YoY) และ 598 ล้านบาท(+14% YoY) ตามลำดับ สะท้อนถึงยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีในไตรมาส 4/52 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียและโลกทำให้ความต้องการใช้ MDF และ Particle Board สูงขึ้น เราจึงคาดว่าราคาขายมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น 10-15% ในปี 53 จากที่ลดลง 15-20% ในปี 52
สำหรับประมาณการยอดขายปี 53 ของ VNG เติบโต 32% เป็น 9.8 พันล้านบาท การใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะสูงขึ้นนอกเหนือจากการปรับเพิ่มราคาขาย ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปี 53 เท่ากับ 27% ดีขึ้นจาก 23% ในปี 52