บล.ภัทร (PHATRA) คาดว่าจะยื่นแบบไฟลิ่งบริษัทโฮลดิ้งใหม่ได้ในช่วงต้นเดือน ก.ย.53 หลังปรับโครงสร้างกิจการ จากนั้นจะดำเนินการแลกหุ้นกับ PHATRA ให้เสร็จสิ้นในเดือน ธ.ค.53 และคาดว่าจะนำหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แทน PHATRA ได้ราวเดือน ม.ค.54
น.ส.นิธิวดี ตันติพจน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ PHATRA เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯคาดว่าจะยื่นข้อมูลไฟลิ่งการเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ บริษัท ทุนภัทร จำกัด(มหาชน) และทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)หุ้น PHATRA ได้ประมาณต้นเดือน ก.ย.53 ซึ่งหากสามารถแลกหุ้นได้ทั้ง 100% ก็คาดว่าจะทำเทนเดอร์ญเสร็จภายในเดือนธ.ค.53 ดังนั้น หุ้นของบริษัทโฮลดิ้งคาดว่าน่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในเดือน ม.ค.ปีหน้า
สำหรับ บล.ภัทร ภายหลังจากที่ได้มีการถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในเดือน ม.ค.54 ก็จะยังคงดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ต่อไป และจะมีนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ เป็น CEO ของ PHATRA และเป็น CEO ของบริษัทโฮลดิ้งด้วย
ขณะที่ นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นชอบในแผนการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัท โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเป็นบริษัทมหาชนเพื่อประกอบธุรกิจทางด้านลงทุนและถือหุ้นของ PHATRA และแลกเปลี่ยนกับหุ้นของบริษัทโฮลดิ้ง โดย 1 หุ้นสามัญของหลักทรัพย์ ภัทร เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง
ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นเป็นผลสำเร็จ บริษัทโฮลดิ้งจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และหุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนหุ้นสามัญของ PHATRA ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในเวลาเดียวกัน
หลังจากเสร็จสิ้นการทำคำเสนอซื้อหุ้นดังกล่าว PHATRA จะโอนขายหลักทรัพย์ภายใต้การลงทุนของสายงานลงทุนให้แก่บริษัทโฮลดิ้ง เพื่อให้บริษัทโฮลดิ้งเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนโดยตรง โดยคาดว่ากระบวนการปรับโครงสร้างกิจการจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ธ.ค.53
“การปรับโครงสร้างกิจการในครั้งนี้เป็นไปตามหลักการและเหตุผลสำคัญ 3 ประการ คือ เพื่อป้องกันและจำกัดขอบเขต ของความเสี่ยงที่แตกต่างกันระหว่างธุรกิจการเป็นตัวแทน (Agency Business) กับธุรกิจลงทุน (Principal Business)เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจหรือการมีพันธมิตรธุรกิจ และป้องกันการขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างธุรกิจการเป็นตัวแทนและธุรกิจลงทุน" นายอภินันท์ กล่าว
ทั้งนี้ การแยกธุรกิจลงทุนและธุรกิจการเป็นตัวแทนออกจากกัน โดยจัดตั้งในรูปบริษัทจำกัด เป็นการแบ่งแยกความเสี่ยงทางการเงินอย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน มีความรับผิดชอบจำกัด อีกทั้งยังมีการรายงานฐานะการเงินที่แยกจากกันโดยชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัทและบุคคลภายนอกสามารถวิเคราะห์ ติดตาม วัดผล ฐานะทางการเงินของกิจการได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย เช่น เป็นการเปิดโอกาสในการหาผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งมีความชำนาญเฉพาะในธุรกิจนั้นๆ โดยผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจสามารถเลือกลงทุนในเฉพาะธุรกิจที่สนใจโดยไม่ต้องลงทุนหรือร่วมเป็นพันธมิตรในธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทโฮลดิ้ง
“การปรับโครงสร้างในลักษณะบริษัทโฮลดิ้งรวมทั้งการปรับย้ายบุคลากรที่อาจมีความคาบเกี่ยวระหว่างหน่วยงานการให้บริการการเป็นตัวกลางและหน่วยงานการลงทุน จะช่วยเสริมให้การป้องกันการขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างธุรกิจการเป็นตัวแทนและธุรกิจลงทุนของหลักทรัพย์ ภัทร มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดในการลงทุนของสายงานลงทุน และยังช่วยให้ธุรกิจลงทุนสามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจได้อีกด้วย"นายอภินันท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สายงานค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ถึงแม้จะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ลงทุนด้วยเงินทุนของบริษัท แต่จะยังคงอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ PHATRA ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับสายงานลงทุน ความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจของสายงานดังกล่าวค่อนข้างต่ำจากการใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่แสวงหากำไรจากส่วนต่างของราคา (Arbitrage) รวมทั้งมีธุรกรรมบางประเภท เช่น การออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (Derivative Warrants) ที่ยังต้องพึ่งพิงใบอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ โดยในอนาคตโครงสร้างนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม