บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ(BAFS)คาดว่าปี 53 กำไรสุทธิจะสูงขึ้นจากปีก่อน ตามรายได้เติบโต 5% จากปริมาณการเติมน้ำมันที่สูงขึ้นราว 4% เป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ซึ่งเห็นได้จากไตรมาส 1/53 ที่รายได้น่าจะสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 52 ถึงประมาณ 10%
อนึ่ง BAFS และบริษัทย่อยรายงานผลประกอบการปี 52 มีกำไร 463.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีกำไร 437.73 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมมีจำนวน 2,035.0 ล้านบาท ลดลง 92.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปี 51
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดว่า รายได้ในปี 53 จะเติบโต 5 % จากปีก่อนที่มีรายได้ 2 พันล้านบาท โดยเติบโตจากปริมาณการเติมน้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4% มาที่ 4,180 ล้านลิตร จากปีก่อนที่มีปริมาณการเติมน้ำมัน 4,110 ล้านลิตร เป็นผลจากการที่ธุรกิจการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว ซึ่งได้ส่งสัญญาณตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 52
และในไตรมาส 1/53 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้สูงขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเดือน ม.ค.-ก.พ.53 มีอัตราการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันประมาณ 10% โดยเฉพาะในเดือน ก.พ. มีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลดีต่อปริมาณการเติมน้ำมัน และในช่วงต้นเดือน มี.ค.มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางเดียวกัน
"เราประเมินทั้งปีรายได้จะเติบโต 5% ซึ่งบวกปัจจัยปัญหาการเมืองมารวมแล้ว และเชื่อว่าเหตุการณ์การเมืองจะไม่รุนแรง และไม่กระทบถึงขั้นปิดสนามบิน ผมคิดว่าถ้าเราพยายามลดค่าใช้จ่ายลงได้จะยิ่งมีอัพไซต์ได้อีก"ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าว
ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 53 จนถึงปี 58 BAFS จะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ แต่สำหรับปี 53 บริษัทจะลงทุนซื้อ Hydrant Pump ตัวที่ 10 มูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท ซึ่งจะรับมอบในปี 54 เพราะปัจจุบันมีการใช้เต็มกำลังทั้ง 9 ตัวแล้ว
ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมหาก บมจ.ท่าอกาศยานไทย (AOT) จะขยายสนามบินสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 ก็จะให้บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด(TARGO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยลงทุนแทน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 55
ด้านนายฉัตรธัย พันธัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี BAFS กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในระดับไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 28% เพราะในปีนี้ไม่มีแผนปรับขึ้นค่าบริการ หลังจากปีก่อนได้ปรับขึ้นค่าบริการที่สนามบินสมุย ,สุโขทัย และดอนเมือง ไปแล้ว
ส่วนเงินกู้ของบริษัท ณ สิ้นปี 52 มีเงินกู้สถาบันจำนวน 3,102 ล้านบาท มีต้นทุนการเงินเฉลี่ย 3.2%ต่อปี โดยในปี 53 มีจำนวนที่ครบกำหนดชำระ 655 ล้านบาท และอีก 2 ปีจะชำระเพิ่มขึ้นอีก 680 ล้านบาท และ 725 ล้านบาทในปี 54-55 หลังจากนั้นในปี 56-58 จำนวนคืนเงินกู้ลดลงเป็น 487 ล้านบาทในปี 56 ,ชำระคืน 436 ล้านบาทในปี 57 และ 120 ล้านบาทในปี 58
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 500 ล้านบาทและบริษัทลูก 300 ล้านบาท รวมเป็น 800 ล้านบาท