ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ที่ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัว และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 122.06 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 10,566.20 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 15.73 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 1,138.70 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 34.04 จุด หรือ 1.48% ปิดที่ 2,326.35 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.1 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 960.8 ล้านหุ้น มีจำนวหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 1% หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 50,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนก.พ.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.7% โดยปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขจ้างงานลดลงส่วนใหญ่มาจากพายุหิมะที่ส่งผลให้บริษัทหลายแห่งของสหรัฐต้องปิดทำการชั่วคราวและลดการจ้างงานลง
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.ที่ลดลงน้อยกว่าคาดนั้น ออกมาสอดคล้องกับข้อมูลด้านแรงงานที่สหรัฐเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงภาคเอกชนที่ลดการจ้างงานลงเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งน้อยกว่าเดือนม.ค.ที่ร่วงลง 60,000 ตำแหน่ง และจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.พ.ลดลง 29,000 ราย สู่ระดับ 469,000 ราย
ทั้งนี้ ข้อมูลด้านการจ้างงานที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล และยังช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆทะยานขึ้น ซึ่งทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นด้วย รวมถึงหุ้นเอ็กซอนโมบิลที่พุ่งขึ้น 1.07% และหุ้นเชฟรอนพุ่งขึ้น 1.22%
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตัวเลขจ้างงานยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 30 เซนต์ แตะที่ 16.70 ดอลลาร์ และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดบวก 89 เซนต์ แตะที่ 42.81 ดอลลาร์