นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) เปิดเผยว่า แผนงานปี 53 บริษัทจะใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการขยายฐานลูกค้าทั้งที่เป็นนักลงทุนสถาบันจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีแผนจะขยายฐานนักลงทุนรายย่อยรายใหม่ให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100,000 บัญชี จากปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 50,000 บัญชี ควบคู่ไปกับแผนการเปิดสาขาใหม่อีกหลายสาขา จากเดิม 50 สาขา เน้นไปที่สาขาประเภทมินิบรานช์ และ ไซเบอร์บรานช์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายฐานนักลงทุนในประเทศ
ส่วนนักลงทุนสถาบันคาดว่าต้นปี 53 จะเริ่มมีคำสั่งซื้อจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศส่งเข้ามา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการประสานงานและวางระบบรองรับคำสั่งซื้อขายไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ขณะที่สัดส่วนลูกค้ารายย่อยจะเป็น 85%
นอกจาก บริษัทยังมีความพร้อมในบริการด้านอื่นๆ ทั้งด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบออนไลน์ ตราสารอนุพันธ์ (TFEX) การทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และบริการตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (Selling Agent) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต
นายบี กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะเน้นการกระจายรายได้ โดยไม่พึ่งพิงรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว เพื่อรับมือกับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปี 55 โดยได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรที่มีอยู่ประมาณ 800 กว่าคน รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและในอนาคตบริษัทจะทำธุรกรรมอื่นๆ ที่สามารถต่อยอดรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น บริษัทเชื่อว่าจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการบริการแบบ One Stop Service ทำให้บริษัทสามารถรับมือการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น