นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) คาด รายได้ในปี 53 จะสูงกว่า 4 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 3.6 พันล้านบาท โดยเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 1/53 ที่ยอดขายสองเดือนแรกทำได้กว่า 650 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การที่มีการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ราคาต่อเครื่องลดลง ทำให้ปีนี้คาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยอยู่ที่ 3,500-4,000 บาท/เครื่อง แต่บริษัทพยายามรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12% ใกล้เคียงปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้กว่า 1.5 ล้านเครื่อง จากปีก่อนที่ 1.1 ล้านเครื่อง โดยบริษัทจะเน้นการส่งเสริมเฮ้าส์แบรนด์ คือ ทีดับบลิวแซด และนกเทล ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท รวมทั้งจะเปิดแบรนด์ใหม่ G-Five เพื่อเจาะกลุ่มรากหญ้า โดยทุ่มเงินการตลาด 60 ล้านบาทในการสร้างแบรนด์ใหม่
นายพุทธชาติ กล่าวต่อว่า บริษัทจะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา โดยเน้นการขยายสาขาในหัวเมืองต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต และนครราชสีมา รวมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน Chain Store Telecom Shop อาทิ เทเลวิช ทั่วประเทศ
นอกจากนั้น บริษัทยังเจาะต่างประเทศประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า ลาว และ กัมพูชา รวมไปถึงเมืองดูไบ ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อกระจายตลาด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากการจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก ประมาณ 95% ขณะที่ยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ในปีหน้า
นายพุทธชาติ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังรับผลิตมือถือ OEM ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีออเดอร์เข้ามาแล้ว โดยในช่วงเดือน มี.ค.53 จะมีการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น
ด้านนายนิธิชัย ชื่นมั่น ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจและผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี TWZ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาการออกใบสำคัญสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์)ของบริษัทฯ จำนวน 600 ล้านหน่วยเพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญ ต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.90 บาทนั้น จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในเดือน เม.ย.นี้ และคาดว่าวอแรนต์น่าจะเข้าซื้อขายได้ประมาณเดือน พ.ค.53
การระดมทุนครั้งนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และทำให้บริษัทมีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีแผนลงทุนตั้งสำนักงานในประเทศจีน โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการตั้งสำนักงานดังกล่าวเพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าและสามารถใช้ช่วยลดต้นทุนของบริษัทได้ ราว 3-5%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/53 คาดว่าน่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้น่าจะเติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในช่วง 2เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.53) บริษัทฯสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 650 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์กว่า 1 แสนเครื่อง/เดือน คาดว่าส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของโทรศัพท์มือถือเฮาส์แบรนด์จะเพิ่มเป็น 15% จาก 12% ในปี 52 โดยภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 5% โดยมียอดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมประมาณ 9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 8.4 ล้านเครื่อง ส่วนมูลค่าตลาดรวมในปีนี้คาดอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 2.7 หมื่นล้านบาท