โบรกเกอร์ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO)หลังผู้บริหารให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ก่อน ประเมินกำไรไตรมาส 1/53 เติบโตอย่างโดดเด่น และอาจออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 200-300 ล้านบาท ตามปริมาณการผลิตของโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียที่เดินเครื่องผลิตเต็มที่ รวมทั้งปริมาณความต้องการยางมะตอยที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและตลาดส่งออก อีกทั้งราคาที่ดีต่อเนื่อง
หลังจากไตรมาส 4/52 ผลกำไรออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่เป็นเพราะมีการบันทึกต้นทุนสัญญาประกันความเสี่ยงราคาสินค้าประมาณ 189 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น คาดว่าทั้งปี 53 จะมียอดขายและกำไรสูงสุดด้วยเช่นกัน จากผลของงบประมาณโครงการถนนไร้ฝุ่นของภาครัฐ ประกอบกับ โรงงานในมาเลเซียเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตได้ตลอดทั้งปี แต่ยังมีปัจจัยที่น่ากังวลหลังจากราคาน้ำมันยืนเหนือ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลอาจมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งขณะนี้ยังมองว่าน้ำมันแพงแค่ระยะสั้น ขณะที่บริษัทล็อคต้นทุนน้ำมันที่ใช้เป็นวัตถุดิบล่วงหน้าจนถึงเดือน เม.ย.53
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 44.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 46.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 41.58 สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 48.00 บล.ไอร่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว 41.00 บล.ฟินันเซีย ซื้อ 48.00
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/53 จะออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากรายได้สูงที่อาจจะสูงกว่า 5 พันล้านบาท กำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4/52 มีรายได้ 4.8 พันล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท
ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ จะเป็นผลมาจากปริมาณการใช้ยางมะตอยที่สูงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลสนับสุนงบประมาณถนนไร้ฝุ่น และโรงงานที่ประเทศมาเลเซียที่เดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต ซึ่งทั้งปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 728 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากราคาน้ำมันในช่วงนี้ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นปัจจัยใหม่ที่สร้างความกังวลให้กับบริษัทที่มีต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่เป็นน้ำมัน แต่เชื่อว่าการที่ราคาน้ำมันยืนเหนือ 80 เหรียญสหรัฐน่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ยังเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีจะออกมาดีได้
"ตอนนี้กังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ขึ้นมายืนเหนือ 80 เหรียญฯ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่เรายังไม่มีการปรับเป้าหมายแต่อย่างใด เพราะยังมองเป็นช่วงสั้น แต่หากราคาน้ำมันสูงกว่า 80 เหรียญ/บาร์เรลในระยะยาว กำไรอาจไม่สวยอย่างที่คาด"นายสุรชัย กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า TASCO จะกลับมามีผลประกอบการดีขึ้นมากหลังจากผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส4/52 โดยประเมินว่าในไตรมาส 1/53 บริษัทจะมีกำไรถึง 250 ล้านบาท จากไตรมาส 4/52 ที่มีกำลังเพียง 23 ล้านบาท เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/52 บริษัทต้องบันทึกผลขาดทุนจำนวนมากจากการขายสินค้าล่วงหน้าในราคาต่ำ ซึ่งปัจจุบันภาระดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้ว และราคายางมะตอยทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้น โดยจากปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 10% ในไตรมาส 1/53
นอกจากนี้ ความต้องการใช้ยางมะตอยยังอยู่ในระดับสูงทั้งในประเทศที่เป็นผลจากโครงการถนนไร้ฝุ่น และความต้องการในต่างประเทศที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เร่งก่อสร้างถนน ส่งผลให้โรงงานผลิตยางมะตอยในมาเลเซียเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตในปีนี้
นอกจากนี้ TASCO ยังมีแผนนำเข้าน้ำมันดิบสำหรับผลิตยางมะตอยในปี 53 ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะผลิตยางมะตอยได้ 6.8 แสนตัน หรือคิดเป็น 67% ของกำลังการผลิต โดยในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.นี้บริษัทได้ทำสัญญาซื้อน้ำมันดิบไว้ 2.6 ล้านบาร์เรล ทำให้มีการล็อคราคาต้นทุนไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีความกังวลด้านวัตถุดิบ ส่วน 8 เดือนที่เหลือต้องพยายามจัดหาวัตถุดิบให้เพียงพอด้วย
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการ TASCO ออกมาดีจากการเร่งโครงการก่อสร้างถนนของรัฐบาลและอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานในมาเลเซียที่สูงขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นผลประกอบการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 1/53 จากการใช้อัตราการใช้กำลังการผลิตสำหรับโรงงานยางมะตอยในมาเลเซียที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไรสุทธิ Q4/52 เพียงเล็กน้อย และคาดว่าผลประกอบการของ TASCO จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/53 มาอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท จากความต้องการที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและตลาดส่งออก ยอดส่งออกที่แข็งแกร่งมาจากโรงงานยางมะตอยที่เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต ซึ่งต้องใช้ยางมะตอยดิบ 2.6 ล้านบาร์เรล โดยบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้แล้วใน Q4/52 เพียงพอสำหรับการผลิตยางมะตอยจนถึงเดือน เม.ย.53
ส่วนสถานะทางการเงินของบริษัทไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสอดคล้องกับผลประกอบการและกระแสเงินสดที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่งบลงทุนมีจำกัด ดังนั้น ปัจจัยหลักในความสำเร็จของ TASCO มาจากการจัดการสินค้าคงคลังในการเดินเครื่องโรงงานยางมะตอย และการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้นไว้ในระดับสูง