บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)คาดว่าปริมาณการจราจรบนทางด่วนในปีนี้จะเติบโตราว 3.0-3.5% เป็นผลสืบเนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และการปิดซ่อมสะพานหลายจุดในกรุงเทพฯ โดยเห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะเดือน ก.พ.ปริมาณการใช้ทางด่วนสูงแตะระดับ 1 ล้านคันต่อวัน ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตในแนวเดียวกัน ขณะที่ในแง่ของกำไรสุทธิน่าจะเติบโตได้มากกว่ารายได้ เนื่องจากบริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยหุ้นกู้
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ทั้งหมดไม่เกิน 3.5 พันล้านบาทภายในปีนี้ โดยในช่วงต้นเดือนออกไปแล้ว 1 พันล้านบาท เหลือที่จะต้องออกในงวดต่อไปอีก 2.5 พันล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายได้ภายในเดือนนี้
นางสุทธิดา สุขะนินทร์ ผู้จัดการอาวุโส แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า ปี 53 คาดปริมาณการใช้ทางด่วนจะเติบโตตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และผลจากการปิดซ่อมสะพานหลายจุด ซึ่งรายได้ก็จะวิ่งตามปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น แต่ก็อาจจะเติบโตไม่เท่ากับปีก่อนที่มีอัตราเติบโตเกือบ 10% มาที่ 7.6 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 52 มีการปรับขึ้นค่าผ่านทางด้วย ส่วนกำไรสุทธิอาจจะเติบโตมากกว่ารายได้ เพราะมีการลดค่าใช้จ่ายลง
ปริมาณการจราจรทางด่วนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในเดือนก.พ.53 ปริมาณการใช้ทางด่วนทะลุ 1.01 ล้านคัน/วัน ถือว่าสูงมาก โดยเพิ่มขึ้น 5% จากเดือนเดียวกันปีก่อน และหากดูจากยอดดูสะสม 2 เดือนแรก คือ ม.ค.-ก.พ.53 ปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้น 4.79% ขณะที่คิดเป็นรายได้ เฉพาะเดือน ก.พ.53 อยู่ที่ประมาณ 22.23 ล้านบาท/วัน สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน 5.46% และยอดสะสม 2 เดือนเฉลี่ย 21.62 ล้านบาท/วัน สูงขึ้น 5.15%
"2 เดือนแรกมีการปิดสะพาน กทม.รับปริญญา มีงานอีเว้นต่างๆ มีเทศกาล สำหรับเดือน มี.ค.คาดว่าปริมาณการใช้ทางด่วนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.พ.แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะ ร.ร.จะปิดเทอมเมื่อไร"นางสุทธิดา กล่าว
นางสุทธิดา กล่าวอีกว่า การออกหุ้นกู้ในช่วงต้นเดือน มี.ค.53 วงเงิน 1 พันล้านบาท บริษัทได้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 2.03% ดังนั้น ล็อตต่อไปอีก 2.5 พันล้านบาท ที่คาดว่าจะออกในเดือนนี้ ก็น่าจะได้อัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นกัน จากปัจจุบันต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป้าหมายในปีนี้ต้องการประหยัดดอกเบี้ยจ่ายลงอีก 60-70 ล้านบาท เทียบกับปี 52 ที่มีดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 1,138 ล้านบาท
อนึ่ง ในปีนี้บริษัทมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระคืน 4,885 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีกระแสเงินสด 3,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้มาจากการออกหุ้นกุ้เมื่อปลายปีที่แล้ว 2,000 ล้านบาท และในเดือน มี.ค.นี้ก็จะมีหุ้นกู้ที่จะเสนอขายรวม 3,500 ล้านบาท ก็เพียงพอสำหรับการชำระหนี้
"เราออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเพราะบริษัทมีความมั่นคง แข็งแรง เสี่ยงต่ำ กระแสเงินสดเยอะ อายุหุ้นกู้ก็จะใกล้ๆ กันประมาณ 3 ปี"นางสุทธิดา กล่าว
นางสุทธิดา กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทถือหุ้นใน บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) สัดส่วน 9.24% หากราคาหุ้นปรับลงบริษัทก็สนใจที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่ดี ขณะนี้ให้ผลตอบแทน 7% แล้ว