SIRI ปรับแผนธุรกิจปี 53เพิ่มโครงการใหม่เป็น 26 แห่ง-ขยับเป้ารายได้ขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 9, 2010 16:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ(SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 53 ใหม่หลังจากดำเนินการมาแล้วเกือบ 1 ไตรมาส เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น

กลุ่มแสนสิริได้ปรับแผนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจรเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 โครงการ มูลค่ารวม 27,000 ล้านบาท เป็น 26 โครงการ มูลค่าประมาณ 38,500 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 20,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายไตรมาส 1/53 ประมาณ 5,000 ล้านบาท และส่งผลให้คาดการณ์ได้ว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปีได้สูงถึง 18,500 ล้านบาท

ในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริยังมีการปรับเป้าหมายยอดการโอน จากมูลค่าเกือบ 16,500 ล้านบาท เป็น 17,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดโอนในไตรมาส 1/53 ประมาณ 5,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้น ๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน

"สำหรับการที่ภาครัฐบาลตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ที่ผ่านมามาตรการดังกล่าว ส่งผลดีต่อธุรกิจฯ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บริษัทต่าง ๆ มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เหล็ก ก็มียอดขายที่ดีตามไปด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าการที่ภาครัฐยกเลิกมาตรการ มาจากภาพรวมที่เศรษฐกิจฟื้นตัวและอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ซึ่งหากสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้วก็คงไม่ส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องติดตามผลกระทบในไตรมาส 2/53 ต่อไป " นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับแผนการขยายโครงการใหม่ 26 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 13,100 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 12 โครงการ มูลค่าโครงการ ประมาณ 21,500 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 4 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,900 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาใหม่ทั้งสิ้นเกือบ 38,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ การที่กลุ่มแสนสิริมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้ในอีก 1-3 ปี ประมาณ 15,000 ล้านบาท นับเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี แม้ปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตามฆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ