นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บมจ.แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ (HTECH) เปิดเผยว่า กลยุทธการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 53 จะเน้นความสำคัญเรื่องคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำ ช่วยลดต้นทุนให้ลูกค้า จึงเชื่อว่าน่าจะทำให้ยอดขายในปีนี้เติบโต 350 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งส่วนเพิ่มที่เข้ามาก็จะเป็นที่ใช้ในการตัดเฉือนโลหะทั้งหมดที่ปีนี้ก็จะผลิตเต็มที่ 100% และเดือนนี้ก็เตรียมติดตั้งเครื่องจักรตัวนี้เพิ่มเพื่อรองรับแล้ว
ขณะที่คำสั่งซื้อที่มีเข้ามาเต็มตั้งแต่ต้นปี ทำให้คาดว่ายอดขายไตรมาส 1/53 ดีกว่าไตรมาส 4/52 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่กลับมาฟื้นตัวได้แรง ทำให้บริษัทเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง และสินค้าประเภท cutting toos (ที่ใช้ในการตัดเฉือนโลหะ)มีคำสั่งซื้อสูงขึ้นอย่างมาก โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อคงค้างอยู่ประมาณ 15 ล้านบาท
บริษัทคาดว่าในปี 53 อัตรากำไรขั้นต้น(gross profit margin)มีโอกาสสูงขึ้นแตะระดับ 50% หรืออยู่ระหว่าง 47-50% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 47-49% เนื่องจากปีนี้บริษัทคงจะใช้อัตรากำลังการผลิตเต็มที่ทั้งปี ขณะที่ปี 52 ผลิตไม่เต็มที่ในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากอุตสาหกรรมชะลอตัว และในส่วนของอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ในปีนี้ก็น่าจะดีต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 27%
สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้ โดยหลัก ๆ จะมาจากสินค้าในส่วนงานตัดโลหะประมาณ 75% หรือ 3 ใน 4 ของยอดรวม โดยมีการส่งออก 40% และในประเทศ 60% ขณะที่วัตถุดิบคือเพชรเทียมราคาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมาก จึงยังไม่มีปัญหา
ขณะที่การขยายตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เข้ามาสม่ำเสมอและมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบปีก่อน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวแล้ว ทำให้อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟกลับมามามีความต้องการมากขึ้น
HTECH มองว่าอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ใน 3 ปี ข้างหน้า น่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 53 ความต้องการโดยรวมในอุตสาหกรรมดังกล่าวน่าอยู่ที่ 660 ล้านชิ้น/ปี แต่กำลังการผลิตโดยรวม คาดว่าทำได้ 620 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และเป้าหมายกำลังการผลิตในปี 54 จะเพิ่มเป็น 700 ล้านชิ้น/ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก จึงเชื่อว่ากำลังการผลิตโดยรวมของโลกในอีก 2 ปี น่าจะมีขีดความสามารถไม่เกิน 700 ล้านชิ้น/ปี โดย 60-70% เป็นการผลิตในประเทศไทย
นายพีท กล่าวอีกว่า ภายในเดือน มี.ค.53 บริษัทจะทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่ จำนวน 5 เครื่องให้แล้วเสร็จ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาทั้งผลิตภัณฑ์เก่าและใหม่ โดยจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% ในช่วงครึ่งหลังปี 53 โดยได้ทยอยติดตั้งเครื่องจักรไปแล้ว เมื่อ ก.พ.53 บางส่วน ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดการผลิตได้ 2.4 ล้านบาท/เดือน คิดเป็นกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 11%
ปัจจุบัน บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสด(cash flow)ประมาณ 60 กว่าล้านบาท ส่วนงบลงทุนซื้อเครื่องจักร 5 เครื่องใหม่อยู่ที่ 63.7 ล้านบาท มาจากเงินที่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) และผลการดำเนินงาน ซึ่งไม่มีปัญหาเพราะมีกกำหนดจ่ายเงินในอีก 12 เดือนข้างหน้า