ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าในภาคยอดค้าส่งของสหรัฐร่วงลงเกินคาดในเดือนม.ค. และยอดขายในภาคค้าส่งทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 2.95 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 10,567.33 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 5.16 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,145.61 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 18.27 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 2,358.95 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.50 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า สต็อกสินค้าในภาคยอดค้าส่งของสหรัฐร่วงลงเกินคาด 0.2% ในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.3% ทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยสต็อกสินค้าที่ปรับตัวลดลงบ่งชี้ว่าภาคเอกชนทำยอดขายได้ดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มสินค้าในสต็อก
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะช่วยให้ดีมานด์เงินกู้ปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น 2.2% แตะระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ปีพ.ศ.2552
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนม.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.พ., มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมี.ค. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์มากเป็นพิเศษ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 36,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 50,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานประจำเดือนก.พ.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.7%