UBIS ตั้งเป้ายอดขาย-กำไรปี 53 โต 15% หลังดีมานด์ฟื้น-ออร์เดอร์เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 11, 2010 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูบิส (เอเชีย) ( UBIS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 53 เติบโต 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 560.97 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยปี 52 มีกำไรประมาณ 70 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 20% ขณะที่ตลาดในประเทศจะเติบโต 10%

ในช่วงไตรมาส 1/53 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสัญญาณการกลับมาของลูกค้า ช่วง 2 เดือน(ม.ค-ก.พ.53)มียอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว 15% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ การที่บริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เช่น HENKEL ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มกระป๋องจะทำให้ศักยภาพในการผลิตสินค้าบริษัทเพิ่มมากขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังได้รับแรงหนุนจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 50% โดยประเมินว่าอัตราการเติบโตตลาดจีนจะอยู่ที่ประมาณ 15% ตามความต้องการสินค้าในการจัดงาน World Expo และ Asian Games

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้รับผลดีจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA)ที่มีการใช้ภาษีนำเข้าในอัตรา 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาษีนำเข้าในกลุ่มประเทศอาเซียนลดลง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ ยาแนวฝากระป๋อง แลคเกอร์เคลือบกระป๋อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น

ส่วนประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตในลักษณะใกล้เคียงกับจีน เชื่อว่าความต้องการใช้กระป๋องในอินเดียมีโอกาสที่จะเติบโตตามอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปีนี้ความต้องการใช้กระป๋องจะเติบโต 20-25% จากปีก่อนที่เติบโต 5-6% แม้การเจรจาเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับอินเดียจะยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากยังต้องการปกป้องสินค้าของตนเอง

นายสวง กล่าวต่อว่า จากผลกระทบจากต้นทุนจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล อาจจะส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้มีโอกาสที่จะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย โดยปีก่อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12.2% แต่คาดว่ากำไรในรูปสกุลเงินบาทยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ส่วนปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเนื่องจากมีการป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าแล้ว

ส่วนแผนการแตกพาร์นั้นบริษัทจะมีการนำแนวคิดดังกล่าวเข้าหารือกับคณะกรรมการแต่คงเป็นการหารืออย่างไม่เป็นการ เพราะที่ผ่านมายอมรับหุ้นสภาพคลองน้อย เนื่องจากไม่มีการขายหุ้นออกมา ประกอบกับผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องการถือหุ้นเพื่อปันผล ซึ่งบริษัทจ่ายปันผลในอัตราที่สูง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ