นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) (IFS) ซึ่งประกอบธุรกิจแฟคเตอริ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นใหม่ต่อประชาชนทั่วไป(IPO)ได้แล้ว โดยบริษัทฯ จะขายหุ้นใหม่จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างรอพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อน กำหนดวันขายหุ้นและวันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่คาดว่าน่าจะขายหุ้น IPO ได้ไม่เกินกลางปี 53
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายฐานธุรกิจสินเชื่อแฟคเตอริ่ง และสินเชื่อทางการเงินอื่นๆ ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ อีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
นายตัน กล่าวว่า ธุรกิจแฟคเตอริ่งเป็นบริการทางด้านการเงินเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันหรือต้องการขยายธุรกิจ เสริมสภาพคล่องทางการเงิน และส่งผลไปถึงการเพิ่มยอดขาย โดยบริษัทจะรับซื้อลูกหนี้การค้าของผู้ประกอบการที่เกิดจากการค้าขายภายในประเทศ และ/หรือ ส่งออกต่างประเทศ
กลุ่มลูกค้าที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร เครื่องดื่ม ยา กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์รวมถึงการให้บริการด้านต่างๆ เช่น การรักษาความปลอดภัย การดูแลรักษาความสะอาด การจัดหาบุคลากร การโฆษณา และการคมนาคมขนส่ง
เหตุผลที่ทำให้บริษัทฯ ยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำในธุรกิจแฟคเตอริ่งได้ เนื่องจากมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง การให้บริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่น โดยอาศัยบุคคลากรของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์สูง จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สามารถพิจารณาเอกสารประกอบการขอสินเชื่อและอนุมัติวงเงินได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วภายใน 7-10 วันทำการ และหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว เมื่อลูกค้านำใบแจ้งหนี้หรือเอกสารทางการค้าที่เกี่ยวข้องมาแสดงเพื่อขอรับเงิน บริษัทสามารถโอนเงินให้ลูกค้าได้ภายในวันทำการถัดไปในวงเงินสูงสุดถึง 90% ของจำนวนเงินที่ลูกค้ามีสิทธิเรียกเก็บ